ในประวัติศาสตร์การโยนออกจากหน้าต่างมักจะเกิดขึ้นกับผู้เป็นศัตรูทางการเมืองเช่นตัวอย่างที่เกิดขึ้นในการโยนออกนอกหน้าต่างในปี ค.ศ. 1419 และ ค.ศ. 1618 ที่เป็นผลทำให้ยืดเวลาความขัดแย้งภายในโบฮีเมีย กล่าวกันว่าผู้นับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกบางคนเชื่อว่าผู้ที่รอดมาได้จากการถูกโยนออกจากหน้าต่างปราสาทปรากในปี ค.ศ. 1618 ได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า

เหตุการณ์อื่น ๆ ที่ปรากก็ได้แก่การโยนเจ้าหน้าที่เมืองเก่าพร้อมกับร่างของเจ้าหน้าที่เมืองใหม่ที่ถูกฆาตกรรมอีกเจ็ดคนในปี ค.ศ. 1483 และการตายในปี ค.ศ. 1948 ของนักการเมืองยาน มาซาริคที่พบร่างที่ลานของกระทรวงต่างประเทศนอกหน้าต่างห้องน้ำส่วนตัว จากการสืบสวนของตำรวจในปี ค.ศ. 2004 พบว่าเป็นการฆาตกรรมโดยการโยนร่างออกทางหน้าต่างไม่ใช่การฆ่าตัวตายตามที่สรุปไว้ก่อนหน้านั้น อาจจะโดยเช็คโกสโลวัคคอมมิวนิสต์หรือโซเวียต NKVD เพราะมาซาริคเป็นปฏิปักษ์ต่อการปฏิวัติของคอมมิวนิสต์ในปี ค.ศ. 1948

• ในหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง ในคัมภีร์ไบเบิล, เจสซเบลถูกคนใช้ผลักตกจากหน้าต่างโดยการยุของเยฮู (Jehu). (2 พงศ์กษัตริย์ 9: 33[2])
• บันทึกพงศาวดารหลายฉบับ (โดยเฉพาะฉบับจากแอบบีเวสต์ไฮด์) เสนอว่าพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษทรงสังหารพระนัดดาอาร์เธอร์ที่ 1 ดยุกแห่งเบรอตาญ โดยโยนร่างของอาร์เธอร์ที่ปราสาทที่รูอ็องในประเทศฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1203
• ในปี ค.ศ. 1378 กลุ่มช่างและผู้นำวูแตร์ ฟาน เดอร์ เลย์ดองเข้ายึดตึกเทศบาลเมืองเลอวอง ฝ่ายขุนนางหนีออกนอกเมือง หลังจากการเจรจาต่อรองทั้งสองฝ่ายก็ตกลงร่วมกันปกครอง แต่ฝ่ายขุนนางไม่ยอมตกลงอย่างง่ายๆ เพราะต้องสูญเสียอำนาจที่เคยมีไปบ้าง และพยายามเปลี่ยนสถานะการณ์โดยการสั่งให้สังหารฟาน เดอร์ เลย์ดองที่บรัสเซลล์ ฝ่ายช่างที่ต้องการที่จะแก้แค้นจึงส่งตัวขุนนางให้ฝูงชนที่ลากตัวขุนนางบุกเข้าไปในตึกเทศบาลเมืองและจับโยนออกนอกหน้าต่าง ซึ่งทำให้ฝ่ายขุนนางตายกันไปสิบห้าคน
• ในปี ค.ศ. 1383 สังฆราชโดม มาร์ตินโฮถูกโยนจากหน้าต่างโดยประชาชนชาวลิสบอนเพราะถูกสงสัยว่าไปสมรู้ร่วมคิดคบคิดกับฝ่ายศัตรูเมื่อลิสบอนถูกล้อมโดยฝ่ายคาสตีล
• เมื่อวันที่ 26 เมษายน, ค.ศ. 1478 หลังจากการคบคิดปัซซิในการพยายามสังหารลอเรนโซ เดอ เมดิชิ ผู้ปกครองฟลอเรนซ์ล้มเหลว จาโคโป เดอ ปัซซิก็ถูกโยนจากหน้าต่าง
• ในปี ค.ศ. 1572 กาสปาร์ด เดอ โคลิญญีผู้นำฝ่ายอูเกอโนต์ พระสหายของพระเจ้าชาร์ลที่ 9 แห่งฝรั่งเศส ถูกฆาตกรรมตามพระประสงค์ของพระนางแคทเธอรีน เดอ เมดิชิ พระราชมารดาของพระองค์ โคลิญญีถูกแทงและโยนจากหน้าต่าง
• เมื่อเช้าวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1640 ในลิสบอน กลุ่มผู้สนับสนุนของดยุคแห่งบราแกนซาลากมิเกล เดอ วาสคอนเซโลสเลขาธิการต่างประเทศของแฮบสเบิร์กผู้ซ่อนอยู่ในตู้ออกมาฆ่าและโยนจากหน้าต่าง
• ระหว่างการปฏิวัติ ค.ศ. 1848 ที่นำไปสู่การปฏิวัติ ค.ศ. 1848 ของรัฐในเยอรมนี ฝูงชนบุกเข้าไปในตึกเทศบาลเมืองในโคโลญ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ด้วยความตกใจเจ้าหน้าที่สองคนก็กระโดดหนีออกทางหน้าต่างที่ทำให้ขาหัก เหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักกันว่า “การบัญชรฆาตแห่งโคโลญ”
• ระหว่างการปฏิวัติในโปแลนด์ในเดือนมกราคมปี ค.ศ. 1863 ทหารรัสเซียจงใจโยนเปียโนของเฟรเดริก ชอแป็ง ออกจากหน้าต่างชั้นสอง ที่กวีซิเปรียน นอร์วิดบรรยายในโคลง “เปียโนของโชแปง” ตัวโชแปงออกจากโปแลนด์ก่อนหน้าที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น
• เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1903 กลุ่มทหารเซอร์เบียสังหารพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งเซอร์เบียและสมเด็จพระราชินีดรากาแห่งเซอร์เบีย และโยนจากหน้าต่าง
• ในปี ค.ศ. 1922 นักการเมืองและนักเขียนชาวอิตาลี กาบริเอลเล ดันนันซิโอ (Gabriele d'Annunzio) บาดเจ็บเพราะถูกผู้ไม่ทราบนามโยนจากหน้าต่าง
• ในปี ค.ศ. 1941 ร่างของเอบ เรลส์พบว่าตกจากหน้าต่างชั้นหกของโรงแรมที่โคนีย์ไอส์แลนด์วันก่อนที่จะให้การเกี่ยวกับบริษัทฆาตกรรม (Murder, Inc) จากมุมที่ตกลงมาทำให้สันนิษฐานได้ว่าเป็นการถูกโยนจากหน้าต่างมากกว่าที่จะพยายามหลบหนี
• ในปี ค.ศ. 1968 เติ้ง พูฟังลูกชายของเติ้ง เสี่ยวผิงถูกโยนจากหน้าต่างโดยเรดการ์ดระหว่างการปฏิวัติทางวัฒนธรรม.
• ก่อนเที่ยงคืนวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1969 มีผู้เห็นร่างของนักอนาธิปไตยอิตาลีจูเซ็ปปี พิเนลลิถูกโยนจากหน้าต่างชั้นสี่ของสถานีตำรวจเมืองมิลานตกลงมาตาย
• เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1970 นิตยสารไทม์รายงานว่าโอดี อาร์. ซีเกรฟส นักธุรกิจชาวเท็กซัสถูกสังหารเมื่ออายุ 84 ปีโดยการโยนจากหน้าต่างชั้นแปดของโรงแรมที่ดัลลัส เมื่อเสียชีวิตซีเกรฟสหมดตัว เพราะหาเงินและสูญเงิน 20 ล้านเหรียญจากการเก็งกำไรในการค้าขายแก๊สธรรมชาติ[3]
• เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2007 นักเขียนวรสารไอวาน ซาโฟรนอฟผู้กำลังสืบสวนเรื่องการค้าขายอาวุธอย่างลับๆ ของรัสเซียตกหน้าต่างชั้นห้าลงมาเสียชีวิต เพื่อนและเพื่อนร่วมงานไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตายแต่เป็นการฆาตกรรม[4]
• ในปี ค.ศ. 2007 ในกาซา ฮามาสสังหารผู้สนับสนุนฟาตาห์โดยการโยนจากหน้าต่าง[5]