กุ้งก้ามกราม หรือ
กุ้งก้ามคราม (
ชื่อวิทยาศาสตร์: Macrobrachium rosenbergii)
กุ้งน้ำจืดชนิดหนึ่ง อยู่ใน
วงศ์ Palaemonidae พบได้ทั่วพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของอินโด-แปซิฟิกจาก
อินเดียไปยัง
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตอนเหนือของ
ออสเตรเลีย[2]มีเปลือก
สีเขียวอม
สีฟ้าหรือ
ม่วง ก้ามยาวมีสีครามหรือม่วงเข้ม ตลอดทั้งก้ามมีปุ่มตะปุ่มตะป่ำ โดยธรรมชาติจะอยู่ใน
แม่น้ำลำ
คลอง ในประเทศไทยพบแทบทุกจังหวัดใน
ภาคกลางและ
ภาคใต้ โดยพบทั้งในน้ำจืดและ
น้ำกร่อย วางไข่ในน้ำกร่อยที่เค็มจัด อาหารได้แก่ ไส้เดือน, ตัวอ่อนของลูกน้ำ, ลูกไร, ลูกปลาขนาดเล็ก, ซากของสัตว์ต่าง ๆ และในบางโอกาสก็กินพวกเดียวกันเอง พบชุกชุมทำให้จับง่าย โดยเฉพาะใน
ฤดูหนาว ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ทำให้ปริมาณในธรรมชาติลดน้อยลง ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในจังหวัดต่าง ๆ แถบภาคกลางของไทย เช่น
สุพรรณบุรี,
นครปฐม,
ฉะเชิงเทรา เป็นต้นโดยที่กุ้งก้ามกรามชนิดที่พบในประเทศไทย ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า M. dacqueti ส่วนชนิดที่ใช้ชื่อว่า M. rosenbergii เป็นชนิดที่พบในภูมิภาคปาปัวนิวกินี แต่ปัจจุบันถือว่าเป็นชนิดเดียวกันหรือเป็นชื่อพ้อง
[3]กุ้งก้ามกรามมีความยาวประมาณ 13
เซนติเมตร พบใหญ่สุดถึง 1
ฟุต น้ำหนักราว 1
กิโลกรัม เป็นกุ้งที่ถูกใช้ปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น
ต้มยำ,
เผา หรือ
ทอด เป็นต้น เพราะเนื้อมีมาก เนื้อแน่น มัน อร่อย ทำให้มีราคาที่ขายสูง ปัจจุบันยังนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์น้ำสวยงามด้วยกุ้งก้ามกรามมีชื่อเรียกที่ต่างออกไปมากมาย เช่น "กุ้งแม่น้ำ", "กุ้งหลวง" ขณะที่กุ้งตัวเมียที่มีขนาดลำตัวเล็กกว่า เรียก "กุ้งนาง" เป็นต้น
[4][5]