ทัศนะของวอลแตร์ ของ ก็องดีด

ในเรื่องนี้ วอลแตร์ได้กล่าวโจมตีเสียดสีสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย เขาได้แสดงทัศนะทางสังคมออกมา ไม่เฉพาะแค่สังคมฝรั่งเศสเท่านั้น แต่รวมไปถึงสังคมยุโรปโดยทั่วไป โดยใช้รูปแบบการประชดประชัน เสียดสี วอลแตร์เสียดสีและต่อต้านความไม่เป็นธรรมต่าง ๆ และยังบรรยายให้เห็นภาพความตายอย่างชัดเจนที่เป็นผลมาจากการทำสงครามแย่งอาณานิคม นอกจากนี้วอลแตร์ยังประชดประชันทัศนะทางปรัชญาที่สอนให้คนมองโลกในแง่ดีอยู่ตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง วอลแตร์ยังได้โจมตีสถาบันทางศาสนาในเรื่องความเชื่อที่งมงาย ไร้สาระ โจมตีพระที่ไม่มีคุณธรรมและจริยธรรม ในเรื่องความเชื่อ วอลแตร์เชื่อว่าพระเจ้าไม่มีเหตุผล ในด้านสังคมการเมือง เขาโจมตีชนชั้นขุนนางว่าไม่จริงใจ

ในบทสรุปของเนื้อเรื่อง วอลแตร์ได้เสนอคำพูดที่ว่า ‘Il faut cultiver notre jardin’ เพื่อแสดงทัศนะของเขาที่เรียกร้องให้ทุกคนทำงานและทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เนื่องจากเขาต้องการสะท้อนให้เห็นเรื่องค่านิยมของคนในสมัยนั้นที่เชื่อว่าพวกชนชั้นสูง เช่น พวกขุนนาง และพระ ที่ไม่ต้องทำงาน เพราะจะเป็นการเสียเกียรติ โดยในที่นี้วอลแตร์ได้เสนอการทำกสิกรรม เนื่องจากเขาได้รับแนวความคิดมาจากพวกชาวบ้านที่ทำกสิกรรมอยู่บริเวณที่ใกล้กับที่ดินที่เขาได้ไปซื้อไว้ โดยที่เขาคิดว่าควรเริ่มจากครอบครัวซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม เมื่อทุกคนทำงานแล้ว ผลแห่งการทำงานนั้นย่อมครอบคลุมไปยังหน่วยของสังคมที่ใหญ่ขึ้น เช่น หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เป็นต้น และในอีกแง่หนึ่งที่วอลแตร์เสนอก็คือ ให้ทุกคนทำงานโดยไม่มัวแต่พร่ำเพ้ออ้างเหตุผลลอย ๆ ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ เขาคิดว่ามนุษย์เกิดมาเพื่อกระทำมิใช่พูดหรือคอยใช้เหตุผลอย่างเดียว จากคำพูดนี้แสดงให้เห็นว่าวอลแตร์ไม่ได้มีความเชื่อในพระเจ้าเลย เขาเชื่อว่ามนุษย์ต่างหากที่เป็นผู้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวของตัวเอง

วอลแตร์เสนอผ่านทางตัวละครคุณลุงบ้านนอกว่า การถกคิดปัญหาทางการเมือง จะทำให้ปวดหัวไม่สิ้นสุด เลิกคิดซะดีกว่าเพราะจะได้ไม่นำภัยมาถึงตัว เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องของเหตุผลเพียงอย่างเดียวแต่ยังเป็นเรื่องของอำนาจด้วย

และสอนให้ยอมรับโลกที่เป็นอยู่ และทนอยู่กับมัน ไม่จำเป็นต้องขวนขวายใฝ่หาสังคมอุดมคติ เช่นสอนว่าความเลวร้ายของมนุษย์ก็ยังติดตัวไปทุกยุคทุกสมัยไม่มีทางสลัดหลุดได้ ไม่มองโลกแต่ในแง่ดีอย่างเดียวเพื่อหลอกลวงตัวเอง และไม่มองโลกแต่ในแง่ร้ายอย่างเดียวซึ่งก็เป็นการหลอกตัวเองเช่นกัน ซึ่งก็องดีดเคยประสบมาทั้งสองอย่างแล้ว ดังเช่นมาร์แต็งแนะนำก็องดีดว่าไม่ต้องไปรอเพราะกะกอมโบคงหอบเพชรและเงินทองหนีไปเสวยสุขแล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริง สรุปก็คือเลิกขบคิดปัญหาแล้วหันมาใช้แรงงานดีกว่า

สอนว่าความร่ำรวยแบบฉับพลับเหมือนมีโชคก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะสุดท้ายเงินทองที่ได้มาจากโชคก็หมดอยู่ดี

สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเดียวของก็องดีด คือแม่หญิงกุเนก็องด์ผู้เลอโฉม โดยเขาจะบูชาชื่อเธออยู่ตลอดเวลา และอยากให้เธอได้แบ่งปันความรู้สึกที่เขามีต่อสิ่งรอบข้าง เขาได้ทุ่มเทเวลาค้นหาเธอ แต่สุดท้ายเธอกลับกลายเป็นหญิงอัปลักษณ์ เป็นการทรยศความรู้สึกเขา เขาจึงอุทานออกมาว่า "ถือดียังไงนังน่าเกลียด" ก่อนที่จะขอโทษเธอ