ขนมหนวดมังกร หรือ
ขนมไหมฟ้า หรือ
ขนมสายไหมจีน (
อังกฤษ: Dragon's beard candy, Chinese cotton candy, Cocoon candy;
อักษรจีนตัวเต็ม: 龍鬚糖, 龙须糖;
พินอิน: Lóng xū táng;
อักษรจีนตัวย่อ: 銀絲糖, 銀絲糖; พินอิน: Yín sī táng) เป็น
ขนมแบบดั้งเดิมของ
ชาวจีน พบได้ตามแถบ
ชุมชนจีน และได้แพร่กระจายไปในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
เอเชียตะวันออก เช่น มาเก๊า, สิงคโปร์, แคนาดา, สหรัฐอเมริกา, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น ในเกาหลีถือเป็นขนมหวานที่มีค่ายิ่งในราชสำนักขนมหนวดมังกร มีที่มาตั้งแต่ยุค
ราชวงศ์ฮั่นเมื่อ 2,000 ปีมาแล้ว กล่าวกันว่า พ่อครัวคนหนึ่งซึ่งเพลินเพลินในการทำขนมแบบใหม่กับ
พระจักรพรรดิ์ ด้วยการยืดส่วนผสมแบบแป้งที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าเป็นเส้นเล็ก ๆ บาง ซึ่งแลดูคล้ายกับหนวดหรือเคราที่สามารถติดอยู่กับใบหน้าผู้คน การที่ได้ชื่อว่า "หนวดมังกร" อาจเป็นเพราะ
มังกรเป็นสัญลักษณ์ของพระจักรพรรดิ์ ในสมัยโบราณ ขนมหนวดมังกรถือเป็นของที่ทำเพื่อถวายแด่พระจักรพรรดิ์และชนชั้นสูงในราชสำนักเท่านั้น
[2] [3]ในช่วง
ปฏิวัติวัฒนธรรม ขนมหนวดมังกรถูกห้ามจาก
ยุวชนแดง ตามคำสั่งของ
พรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ห้ามประชาชนประกอบกิจกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ฮั่น การทำขนมหนวดมังกรถือเป็นศิลปะละเอียดอ่อนอย่างหนึ่ง จึงทำให้หาผู้สืบทอดได้ยาก อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในสถานที่ท่องเที่ยว เช่น เทศกาลตามถนนสายต่าง ๆ และแพร่กระจายไปทั่วโลกได้ไกลถึงจุดหมายปลายทางของผู้เชี่ยวชาญ
[4]เส้นขนมหนวดมังกร คล้ายกับ
สายไหม โดยทำจาก
น้ำผึ้งกวนกับแป้งข้าวเจ้า, แป้งข้าวโพด, แป้งข้าวเหนียว และ
ข้าวโอ๊ต จากนั้นจึงนำมาดึงเหมือนเส้นบะหมี่ จนยืดยาวเป็นเส้นเล็ก ๆ จำนวนหลายร้อยเส้น และนำมาคลุกกับไส้ซึ่งเป็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์, ถั่วลิสง และงาขาว จากนั้นจึงปั้นเป็นก้อนกลม ลักษณะคล้าย
ดักแด้[5]