ข้อมติ ของ ข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่_1970

อารัมภบท

ในอารัมภบทของข้อมตินี้ คณะมนตรีความมั่นคงได้แสดง “ความกังวลเป็นอันมาก” (grave concern) ต่อสถานการณ์ในประเทศลิเบีย และประณามการใช้อาวุธต่อเหล่าพลเรือน กับทั้งยังประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชน และความพยายามของรัฐบาลลิเบียในอันที่จะก่อความรุนแรง[6] สันนิบาตอาหรับ, สหภาพแอฟริกา, องค์การประชุมอิสลาม และ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ยื่นคำแถลงประณามในลักษณะเดียวกันต่อคณะมนตรีความมั่นคงด้วย การกระทำทั้งนี้ต่อผู้ประท้วงนั้นได้รับการถือว่าเป็นความผิดอาญาต่อมนุษยชาติ[7]

ยังได้มีการแสดงความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยในเรื่องการขาดแคลนโอสถและสวัสดิการสำหรับชาวต่างชาติ คณะมนตรีความมั่นคงได้ย้ำเตือนให้รัฐบาลลิเบียตระหนักถึงความรับผิดชอบในอันที่จะต้องประกันรักษาประชาชนของตัว กับทั้งต้องเคารพเสรีภาพในการชุมนุม, เสรีภาพในการแสดงออก และ เสรีภาพของสื่อ นอกจากนี้ ยังตำหนิรัฐบาลลิเบียให้แสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตีพลเรือนด้วย

ตัวบทแห่งข้อมตินี้ยังระบุว่า คณะมนตรีความมั่นคงใคร่ครวญดีว่าจะมีการสืบสวนโดยหรือฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาระหว่างประเทศในระยะเวลาสิบสองเดือนหลังจากที่คณะมนตรีฯ ได้ยื่นเรื่องราวต่อศาลฯ นั้นมิได้ ในขณะเดียวกัน คณะมนตรีฯ ยังรับว่าตนว่าบทบาทในการธำรงสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศด้วย

เนื้อความหลัก

เนื้อความส่วนอื่น ๆ ของข้อมตินั้น ได้รับการตราขึ้นตาม หมวด 7 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ และตามข้อ 41 ดังนั้น ข้อมตินี้จึงใช้บังคับเป็นกฎหมายได้

คณะมนตรีความมั่นคงเรียกร้องให้ยุติโดยพลันซึ่งความรุนแรงในประเทศลิเบีย และเรียกร้องให้รัฐบาลลิเบียตอบสนองต่อข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของประชากรของตัว[8] คณะมนตรีฯ ได้วิงวอนให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และกฎหมายสิทธิมนุษยชน ตลอดจนให้ปฏิบัติการอย่างมีขอบเขต, ให้ประกันความปลอดภัยของชาวต่างชาติและความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม กับทั้งให้เลิกปิดกั้นสื่อมวลชน[8] อนึ่ง ยังมีการตักเตือนให้องค์กรระหว่างประเทศร่วมมือกันอพยพชาวต่างชาติออกจากประเทศลิเบียด้วย

ข้อมตินี้ยังได้ให้คณะมนตรีความมั่นคงยื่นเรื่องราวสถานการณ์ในลิเบียต่ออัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ผู้ซึ่งจักต้องแถลงต่อคณะมนตรีฯ ภายในสองเดือนหลังจากมีการตกลงรับข้อมติและทุก ๆ หกเดือนหลังจากเริ่มดำเนินคดี ข้อมติดังกล่าวยังกำหนดด้วยว่า ให้เจ้าพนักงานชาวลิเบียทั้งหลายประสานความร่วมมือกับศาลอาญาระหว่างประเทศอย่างเต็มภูมิ

ในการนี้ ได้มีคำสั่งห้ามขนถ่ายอาวุธ (arms embargo) โดยห้ามนำเข้าไปหรือส่งออกจากประเทศลิเบียซึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกประเภท และแนะนำให้รัฐบ้านใกล้เรือนเคียงกับประเทศลิเบียจงเฝ้าระวังเรือสินค้าต้องสงสัยว่าขนถ่ายอาวุธและยึดสิ่งทั้งปวงที่ตรวจพบ นอกจากนี้ ยังห้ามรัฐเหล่านั้นอำนวยทหารรับจ้าง (mercenary) ในการลุกฮือครั้งนี้ด้วย อนึ่ง ยังห้ามบุคคลทั้งปวงในรัฐบาลลิเบียและบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงใช้การเดินทาง และสั่งให้ยึดทรัพย์สินของบุคคลเช่นว่าด้วย โดยทรัพย์สินอันใดที่ยึดไว้ ให้ใช้เป็นประโยชน์สำหรับสาธารณชนทั่วไปได้

ในโอกาสเดียวกัน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งสำหรับควบคุมการปฏิบัติตามวิธีการบังคับ สืบสวนความรุนแรงทั้งหลาย และใช้วิธีการบังคับที่ระบุไว้แก่บุคคลและองค์กรอื่น ๆ เพิ่มเติม[9] มีการเรียกให้รัฐทั้งมวลอำนวยความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประเทศลิเบียด้วย

ข้อมตินี้ ปิดท้ายด้วยคำแถลงของคณะมนตรีความมั่นคงว่า คณะมนตรีฯ ยินดีจะทบทวน แก้ไข ปรับปรุง หรือยกเลิกมาตรการทั้งหลายบรรดาที่มีขึ้นในสถานการณ์นี้

ใกล้เคียง

ข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1970 ข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ อีเอส-11/4 ข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ อีเอส-11/1 ข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1973 ข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1929 ข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 68/262 ข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ อีเอส-11/3 ข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 827 ข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 67/19 ข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 2758

แหล่งที่มา

WikiPedia: ข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่_1970 http://www.bangkokpost.com/news/world/223719/un-co... http://timesofindia.indiatimes.com/india/India-bac... http://timesofindia.indiatimes.com/world/middle-ea... http://www.vanguardngr.com/2011/02/un-security-cou... http://www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/artic... http://www.solvision.co.cu/english/index.php?optio... http://usun.state.gov/briefing/statements/2011/157... http://www.icc-cpi.int/NR/rdonlyres/2B57BBA2-07D9-... http://archive.is/9E9Q http://archive.is/Ykmw