205 °C, 478 K, 401 °F
คริสตัลไวโอเลต (
อังกฤษ: crystal violet) เป็น
สีย้อมในกลุ่ม
ไตรฟีนิลมีเทนที่ใช้ในการย้อมสีเนื้อเยื่อและย้อมสีแบคทีเรียตาม
การย้อมสีกรัม คริสตัลไวโอเลตมีคุณสมบัติเป็น
ยาปฏิชีวนะ สารต้านเชื้อรา และ
สารต้านพยาธิ ในอดีตคริสตัลไวโอเลตเป็นยาทาระงับเชื้อที่สำคัญและยังคงอยู่ในบัญชียาของ
องค์การอนามัยโลก[2] คริสตัลไวโอเล็ตมีอีกชื่อคือเจนเชียนไวโอเลต (gentian violet) ซึ่งเดิมใช้เรียกสารผสมเมทิลพาราโรซานิลีน แต่ปัจจุบันถือเป็นไวพจน์ของคริสตัลไวโอเลต ชื่อเจนเชียนไวโอเลตมาจากสีของสารที่เหมือนสีดอกเจนเชียน (สกุล
Gentiana) แต่ไม่ได้ผลิตจากดอกเจนเชียนหรือไวโอเลตคริสตัลไวโอเลตถูกสังเคราะห์ครั้งแรกโดยอัลเฟรท เคิร์นในปี ค.ศ. 1883
[3] วิธีดั้งเดิมในการเตรียมคริสตัลไวโอเลตได้จากปฏิกิริยา
ไดเมทิลอะนิลีนกับ
ฟอสจีนได้
มิชเลอส์คีโตน (4,4′-bis(dimethylamino)benzophenone) เป็นสารมัธยันตร์
[4] จากนั้นจะทำปฏิกิริยากับไดเมทิลอะนิลีน
ฟอสฟอริลคลอไรด์ และ
กรดไฮโดรคลอริก[3] นอกจากนี้คริสตัลไวโอเลตยังเตรียมได้จากการควบแน่นของ
ฟอร์มาลดีไฮด์กับไดเมทิลอะนิลีน ได้
ลิวโคไดย์ตามสมการ
[5]หลังจากนั้นลิวโคไดย์ที่ไม่มีสีจะถูกออกซิไดซ์ให้อยู่ในรูปแคทไอออนที่มีสี (ตัวออกซิไดซ์ทั่วไปที่ใช้ในปฏิกิริยานี้คือ
แมงกานีสไดออกไซด์)คริสตัลไวโอเลตใช้เป็น
ตัวบ่งชี้พีเอช โดยจะปรากฏเป็นสีเหลืองเมื่อทดสอบด้วยสารละลายที่มี pH −1.0 และเปลี่ยนเป็นสีไวโอเลตเมื่อทดสอบด้วยสารละลายที่มี pH 2.0
[6] คริสตัลไวโอเลตใช้ในการย้อมสีกรัมเพื่อจำแนกแบคทีเรีย วิธีคือใช้คริสตัลไวโอเลตแต้มบนผนังเซลล์แบคทีเรียแล้วย้อมทับด้วย
ไอโอดีนเพื่อให้สีติดทน ก่อนจะใช้
เอทานอลหรือ
แอซีโทนล้างสีออก หากเป็น
แบคทีเรียแกรมลบสีจะละลายออกมาพร้อมกับสารล้างสีเนื่องจากแบคทีเรียสูญเสียเยื่อลิโพพอลิแซกคาไรด์ชั้นนอก
[7] ขณะที่สีจะยังคงติดบน
แบคทีเรียแกรมบวกเนื่องจากสารทั้งสองจะทำให้แบคทีเรียแกรมบวกสูญเสียน้ำ ทำให้ผนังเซลล์หดตัวขัดขวางการแพร่ออกของสีย้อม จากนั้นจะใช้
ซาฟรานินหรือ
คาร์บอลฟุคซินย้อมทับลงบนแบคทีเรีย โดยแบคทีเรียแกรมลบจะปรากฏเป็นสีชมพู ส่วนแบคทีเรียแกรมบวกจะเป็นสีม่วงเช่นเดิมเนื่องจากมีสีเข้มกว่าสีชมพู
[8] นอกเหนือจากใช้ย้อมสีเนื้อเยื่อ คริสตัลไวโอเลตยังใช้ย้อมสีผ้า กระดาษ เป็นส่วนประกอบของหมึกพิมพ์ และหมึกปากกา ในทาง
นิติวิทยาศาสตร์มีการใช้คริสตัลไวโอเลตในการทำให้
ลายนิ้วมือปรากฏชัดขึ้น
[9]คริสตัลไวโอเลตมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และพยาธิ จึงใช้ในการรักษาการติดเชื้อ
Candida albicans หรือโรคติดเชื้อที่เกี่ยวข้อง เช่น
กลาก โรคน้ำกัดเท้า[10] คริสตัลไวโอเลตยังใช้ในการรักษา
โรคพุพองในผู้ป่วยที่แพ้ยา
เพนิซิลลิน[11]