บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
คฤหาสน์โรมัน (
อังกฤษ: Roman villa) คือคฤหาสน์ที่สร้างขึ้นหรือที่อยู่อาศัยที่สร้างขึ้นในสมัย
สาธารณรัฐโรมันและ
จักรวรรดิโรมัน เดิมคฤหาสน์เดิมเป็น
คฤหาสน์ชนบทรอบ
กรุงโรมที่สร้างขึ้นสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับชนชั้นสูง
พลินิผู้อาวุโสกล่าวว่าคฤหาสน์มีด้วยกันสองประเภท คฤหาสน์เมือง (villa urbana) ซึ่งเป็นคฤหาสน์ที่เป็นที่ทำการของเจ้าของที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงโรมหรือเมืองสำคัญอื่นที่เจ้าของสามารถเดินทางไปถึงได้ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งหรือสองคืน และ คฤหาสน์ชนบท (villa rustica) ซึ่งเป็นคฤหาสน์ที่เป็นฟาร์มที่เป็นที่อยู่ถาวรของคนรับใช้ผู้มีหน้าที่ดูแลคฤหาสน์ ศูนย์กลางของ คฤหาสน์ชนบท อยู่ที่ตัวคฤหาสน์เองที่อาจจะเป็นที่พำนักของเจ้าของเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ในสมัย
จักรวรรดิโรมันมีราชคฤหาสน์จำนวนมากไม่ไกลจากอ่าวเนเปิลส์โดยเฉพาะบนเกาะ
คาปรี,
ภูเขาเซอร์เซโอบนฝั่งทะเล และ อันเทียม (
อันซิโอ) ชาวโรมันที่มีฐานะดีมักจะหนีร้อนไปยังเนินรอบกรุงโรม โดยเฉพาะรอบ
ฟราสคาติ กล่าวกันว่านักปรัชญา
ซิเซโรเองเป็นเจ้าของคฤหาสน์ถึงเจ็ดหลังๆ เก่าที่สุดตั้งอยู่ที่อาร์พินัมที่ซิเซโรได้มาเป็นมรดก
พลินิผู้เยาว์เป็นเจ้าของคฤหาสน์สามถึงสี่หลัง หลังที่ลอเรนเทียมเป็นหลังที่รู้จักกันดีที่สุดจากคำบรรยายเกี่ยวกับคฤหาสน์ในปลายสมัย
สาธารณรัฐโรมันเป็นสมัยที่มีการสร้างคฤหาสน์กันขึ้นเป็นจำนวนมากในอิตาลีโดยเฉพาะในปีหลังๆ ของการปกครองของผู้เผด็จการ
ลูชิอัส คอร์เนลิอัส ซัลลา ใน
อีทรูเรีย คฤหาสน์
เซ็ทเทฟิเนสเทรถือกันว่าเป็นหนึ่งในคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ที่
มณฑลคฤหาสน์ลาทิฟันเดียม ซี่งเป็นบริเวณที่มีคฤหาสน์เป็นจำนวนมากในบริเวณอันกว้างขวางที่บริหารโดยทาสที่ผลิตสินค้าจากการเกษตรกรรมในระดับอุตสาหกรรม ตัวคฤหาสน์ที่เซ็ทเทฟิเนสเทรหรือที่อื่นมักจะเป็นคฤหาสน์ที่ไม่ได้มีการตกแต่งอย่างหรูหราเท่าใดนัก คฤหาสน์อื่นๆ ที่ไกลจากกรุงโรมถือกันว่าเป็นวิถีชีวิตแบบการเกษตรกรรมที่บรรยายโดย
คาโตผู้อาวุโส,
โคลัมเมลลา และ
มาร์คัส เทเรนเชียส วาร์โร ทั้งสองท่านพยายามที่จะให้คำจำกัดความของวิถีชีวิตอันเหมาะสมสำหรับชาวโรมันอนุรักษนิยม อย่างน้อยก็ตามแบบวิถีชีวิตอันเป็นอุดมคติส่วน
จักรวรรดิโรมันก็มีคฤหาสน์หลายแบบ แต่คฤหาสน์ทุกหลังมิได้มีการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยพื้น
โมเสกหรือ
จิตรกรรมเสมอไป คฤหาสน์บางหลังสร้างขึ้นเพื่อความสำราญเช่น
คฤหาสน์เฮเดรียนที่
ทิโวลีใน
ประเทศอิตาลี ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ไกลจากกรุงโรมเท่าใดนัก หรือ
คฤหาสน์พาพิรีที่
เฮอร์คิวเลเนียมที่ตั้งอยู่บนเนินเหนือ
อ่าวเนเปิลส์ คฤหาสน์บางหลังก็มีลักษณะคล้าย
คฤหาสน์ชนบทใน
อังกฤษหรือ
โปแลนด์อันเป็นคฤหาสน์เพื่อการบริหารและการแสดงอำนาจของขุนนางระดับท้องถิ่นระดับสูง เช่นซาก
คฤหาสน์ฟิชบอร์นที่พบ
ซัสเซ็กซ์ คฤหาสน์ปริมณฑลที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากนครใหญ่ก็ได้มีการสร้างกันขึ้นเช่นคฤหาสน์ในกลางและปลายสมัยสาธารณรัฐในบริเวณ
แคมพัสมาร์เชียสที่ในสมัยนั้นเป็นปริมณฑลของกรุงโรม หรือคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง
ปอมเปอี คฤหาสน์สมัยแรกเหล่านี้เช่นที่ออดิทอเรียมของโรม
หรือที่กร็อททารอซซาเป็นเครื่องแสดงที่มาของ คฤหาสน์เมือง ในตอนกลางของประเทศอิตาลี อาจจะเป็นไปได้ว่าคฤหาสน์สมัยต้นดังกล่าวเป็นสถานที่สำหรับการบริหาร หรือ อาจจะเป็นวังของผู้มีอำนาจในท้องถิ่น หรือ ประมุขของตระกูลสำคัญก็เป็นได้ คฤหาสน์ประเภทที่สามเป็นศูนย์กลางของการบริหารที่เรียกว่า
ลาทิฟันเดียมที่ทำการผลิตผลผลิตทางการเกษตรกรรม คฤหาสน์ดังกล่าวจะไม่มีการตกแต่งอย่างหรูหรา เมื่อมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 4 villa อาจจะหมายถึงเพียงสถานที่สำหรับการบริหารไร่นา เช่นเมื่อ
นักบุญเจอโรมแปล
พระวรสารนักบุญมาร์ค (xiv, 32) chorion, บรรยายไร่มะกอกใน
เกทเสมนี ว่าเป็น villa โดยมิได้เจาะจงว่ามีที่อยู่อาศัยแต่อย่างใด
[1]