ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ หรือภาษาพูดว่า
การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (
ฝรั่งเศส: lèse majesté;
ละติน: laesa maiestas;
อังกฤษ: lese majesty หรือ leze majesty) เป็น
การหมิ่นประมาท (libel) พระมหากษัตริย์ โดยเป็นการประสงค์ร้ายต่อพระเกียรติยศหรือเกียรติของรัฐการกระทำดังกล่าวถูกจัดว่าเป็นอาชญากรรมนับตั้งแต่สมัย
สาธารณรัฐโรมัน ซึ่งในเวลานั้นจักรพรรดิทรงเป็นอันหนึ่งเดียวกันกับรัฐโรมัน (จักรพรรดิไม่ได้เป็นพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการ) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผลกับการประสงค์ร้ายต่อพระองค์
[1] ถึงแม้ว่าทางกฎหมายแล้ว "princeps civitatis" (บรรดาศักดิ์อย่างเป็นทางการของจักรพรรดิ ซึ่งหมายถึง "พลเมืองหมายเลขหนึ่ง") จะไม่เคยเป็นองค์รัฎฐาธิปัตย์เลยก็ตาม เนื่องจากสาธารณรัฐไม่เคยถูกยุบยกเลิกไปอย่างเป็นทางการ จักรพรรดิทรงถูกบูชาเป็นสมมุติเทพ ซึ่งในช่วงแรก ๆ มีเฉพาะในช่วงหลังสวรรคตไปแล้วเท่านั้น แต่ต่อมาได้รวมไปถึงจักรพรรดิที่กำลังทรงครองราชย์อยู่ในปัจจุบันด้วย และทรงได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายซึ่งจัดไว้สำหรับความเป็นเทพเจ้าตามพิธีปฏิบัติของรัฐ ต่อมาเมื่อโรมันเปลี่ยนมานับถือ
ศาสนาคริสต์ การปกครองแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็ได้รับการยอมรับในกรอบความหมายอย่างแคบ การกระทำอันเป็นการประสงค์ร้ายต่อพระมหากษัตริย์เริ่มมีขึ้นในราชอาณาจักรในทวีปยุโรปที่ก่อตั้งขึ้นใน
ยุคกลางตอนต้น ต่อมายุโรปสมัย
ศักดินา อาชญากรรมหลายอย่างถูกจัดให้เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพถึงแม้ว่าการกระทำนั้นจะไม่มีเจตนาต่อต้านพระมหากษัตริย์เลยก็ตาม อย่างเช่น การปลอมเหรียญกษาปณ์ เนื่องจากเหรียญนั้นมีพระฉายาลักษณ์ และ/หรือ ตราแผ่นดินอย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การสิ้นสุดของ
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในประเทศส่วนใหญ่ การกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นอาชญากรรมน้อยลง ถึงแม้ว่าพฤติการณ์ที่คล้ายกันแต่มีเจตนามุ่งร้ายกว่าจะถูกมองว่าเป็นกบฏได้ปัจจุบันเมื่อสาธารณรัฐได้ถือกำเนิดขึ้นเป็น
มหาอำนาจในโลกสมัยใหม่แล้ว อาชญากรรมที่คล้ายคลึงกันนี้อาจเป็นการประสงค์ร้ายต่อประมุขของรัฐแทนเช่น ในประเทศเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และโปแลนด์ที่เป็นสาธารณรัฐ การหมิ่นประมาทประมุขต่างประเทศเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ในประเทศตุรกีผู้หมิ่นประมาท
นายพลอตาเติร์กผู้ก่อตั้ง
สาธารณรัฐตุรกีต้องรับโทษจำคุกหนึ่งถึงสามปี
[2]