ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศอินเดีย (
ฮินดี: भारत-थाईलैंड संबंध) เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2490 ไม่นานหลังจากอินเดียได้รับเอกราชจาก
จักรวรรดิบริติช ประเทศอินเดียและ
ประเทศไทยมีพรมแดนทางทะเลที่ติดกันบริเวณ
หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ของอินเดียและ
ทะเลอันดามันของประเทศไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ไทยและอินเดียมีการสานต่อความสัมพันธ์อันดีต่อกันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งจากการเพิ่มความร่วมมือในเชิงธุรกิจและเศรษฐกิจ, การแลกเปลี่ยนกันเยี่ยมเยือนโดยผู้นำหรือตัวแทนระดับสูงของรัฐ และการลงนามในหลายข้อตกลงร่วมกันหลายฉบับเพื่อเพิ่มความแน่นแฟ้นในสายสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้มีมากขึ้น นอกจากนี้ไทยกับอินเดียยังมีความสัมพันธ์กันในระดับพหุภาคีหลายส่วน เช่น ในฐานะความสัมพันธ์ของอินเดียกับ
อาเซียน, สภาภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Regional Forum; ARF),
การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก และกลุ่มความร่วมมือ
บิมสเทค (BIMSTEC) ที่ประกอบด้วย
บังกลาเทศ อินเดีย
ศรีลังกา ไทย
พม่า เนปาล และ
ภูฏาน รวมถึงการเดินทางขนส่งระดับไตรภาคีระหว่างอินเดีย ไทย และพม่า อินเดียยังเป็นสมาชิกของความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue; ACD) และกลุ่มความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา (Mekong–Ganga Cooperation; MGC) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกหกประเทศสถานเอกอัครราชทูตไทยในอินเดียตั้งอยู่ที่
กรุงนิวเดลี และมีสถานกุลไทยในอินเดีย 3 แห่ง ได้แก่ที่
มุมไบ โกลกาตา และ
เจนไน ในขณะที่สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยตั้งอยู่ที่ซอยประสานมิตร
เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร และมีสถานกงสุลอินเดียที่
จังหวัดเชียงใหม่นอกจากนี้ อินเดียและไทยยังมีความสัมพันธ์กันในเชิงวัฒนธรรมมานานหลายศตวรรษ โดยวัฒนธรรมไทยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอินเดียอย่างมาก เช่น คำในภาษาไทยที่มีรากมาจาก
ภาษาสันสกฤตและ
ภาษาบาลีของ
แคว้นมคธ ศาสนาพุทธแบบ
เถรวาท หรือแม้แต่มหากาพย์
รามายณะของฮินดูก็เป็นที่รู้จักดีในฐานะ
รามเกียรติ์ของประเทศไทย