เมนูนำทาง
ความเอนเอียงทางประชาน รูปแบบความเอนเอียงสามารถแบ่งประเภทได้หลายวิธียกตัวอย่างเช่นแบ่งเป็นความเอนเอียงที่เกิดเฉพาะในกลุ่มบุคคล (เช่น Group polarization) และที่เกิดในระดับบุคคล
ความเอนเอียงบางอย่างมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ (decision-making) ที่ต้องพิจารณาความน่าพอใจของผลทางเลือกต่าง ๆ (เช่น sunk costs fallacy)ความเอนเอียงอย่างอื่นเช่น illusory correlation (สหสัมพันธ์ลวง) มีอิทธิพลต่อการประเมินความน่าจะเป็น หรือว่าการประเมินว่าเหตุการณ์อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผลมีความเอนเอียงพวกหนึ่งโดยเฉพาะที่มีผลต่อความจำ[19] เช่น consistency bias ซึ่งก็คือการระลึกถึงทัศนคติและพฤติกรรมในอดีตว่าเหมือนกับทัศนคติในปัจจุบันเกินความเป็นจริง
มีความเอนเอียงที่สะท้อนถึงแรงจูงใจของบุคคลนั้น[20] ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการที่จะมีภาพพจน์ของตนเชิงบวกจะนำไปสู่ Egocentric bias[21] และการหลีกเลี่ยงความไม่ลงรอยกันทางประชาน (cognitive dissonance) ที่ทำให้รู้สึกไม่ดีมีความเอนเอียงบางอย่างที่เกิดจากวิธีการรับรู้ของสมอง หรือวิธีการสร้างความจำและทำการตัดสินใจซึ่งมีความแตกต่างกันที่แยกออกป็น "Hot cognition" (การคิดหาเหตุผลที่มีแรงจูงใจประกอบด้วยอารมณ์) และ "Cold Cognition" เพราะว่า การคิดหาเหตุผลประกอบด้วยแรงจูงใจ (motivated reasoning) อาจเกิดขึ้นภายใต้สภาวะตื่นตัว
ในบรรดาความเอนเอียงที่จัดว่า "cold" ก็คือ
การที่ความเอนเอียงบางอย่างสะท้อนแรงจูงใจ โดยเฉพาะแรงจูงใจที่จะมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับตนเอง[21] สามารถอธิบายความที่ความเอนเอียงเป็นการรับใช้ตนเองหรือพุ่งความสนใจไปในตน (เช่น illusion of asymmetric insight, ความเอนเอียงรับใช้ตนเอง [self-serving bias], และ projection bias)มีความเอนเอียงบางอย่างที่ใช้ในการประเมินบุคคลที่อยู่ใน in-group (คือในวงสังคมตนเอง) และ out-group (คือนอกวงสังคมตนเอง)โดยที่ประเมินวงสังคมของตนเองว่ามีความหลากหลายมากกว่า และดีกว่าโดยประการต่าง ๆ แม้ว่า "วงสังคม" เหล่านั้นอาจจะเป็นการกำหนดโดยสุ่ม (เช่น ingroup bias, outgroup homogeneity bias)
ความเอนเอียงทางประชานบางอย่างเป็นกลุ่มย่อยของความเอนเอียงโดยการใส่ใจ (attentional bias) ซึ่งหมายถึงการใส่ใจสิ่งเร้าบางอย่างเป็นพิเศษยกตัวอย่างเช่น มีหลักฐานว่า ผู้ที่ติดสุราหรือยาเสพติดอื่น ๆ ให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในสิ่งเร้าที่เกี่ยวกับสิ่งเสพติดนั้น ๆ บททดสอบทางจิตวิทยาเพื่อวัดความเอนเอียงที่สามัญก็คือ Stroop Task[22][23] และ Dot Probe Task
รายการต่อไปนี้เป็นชื่อของความเอนเอียงที่มีงานศึกษามาก
ชื่อ | คำพรรณนา |
---|---|
Fundamental Attribution Error (FAE) | หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า correspondence bias (Baumeister & Bushman, 2010) เป็นความโน้มเอียงที่เราจะเน้นการใช้นิสัยในการอธิบายพฤติกรรมที่เห็นในคนอื่นมากเกินไป โดยที่ขณะเดียวกัน มีการใส่ใจในบทบาทและอำนาจของสถานการณ์สิ่งแวดล้อมต่อพฤติกรรมนั้นน้อยเกินไป[24] มีงานทดลองคลาสสิกที่แสดง FAE คือ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ผู้เขียนแต่ละคนได้รับมอบหมายให้เขียนปาฐกถาสนับสนุนหรือต่อต้านฟีเดล กัสโตร ผู้ร่วมการทดลองกลับไม่สนใจความกดดันทางสถานการณ์เช่นนั้นแล้วกล่าวว่าผู้เขียนแต่ละคนมีทัศนคติเช่นนั้นจริง ๆ |
ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน (Confirmation bias) | ความโน้มเอียงที่จะสืบหาหรือตีความข้อมูลโดยวิธีที่จะยืนยันความเห็นของตน นอกจากนั้นแล้ว เราอาจจะไม่ให้เครดิตกับข้อมูลที่ไม่ยืนยันความเห็นของเรา[25] ความเอนเอียงเพื่อยืนยันมีความสัมพันธ์กับความไม่ลงรอยกันทางประชาน (cognitive dissonance)คือ เราจะลดความไม่ลงรอยกันของสิ่งที่พบ โดยการสืบหาข้อมูลที่ยืนยันความเห็นของเราเพิ่มขึ้นอีก[26] |
ความเอนเอียงรับใช้ตนเอง (Self-serving bias) | ความโน้มเอียงที่จะรับเอาเครดิตของความสำเร็จ แต่โยนโทษของความล้มเหลว และอาจจะปรากฏเป็นความโน้มเอียงที่ประเมินข้อมูลที่ไม่ชัดเจนเข้าข้างตัวเอง |
Belief bias (ความเอนเอียงโดยความเชื่อ) | คือ เมื่อการประเมินความมีเหตุผลของข้ออ้างความจริง มีความเอนเอียงเนื่องจากเชื่อว่าข้อสรุปของข้ออ้างนั้นเป็นจริงหรือเท็จตั้งแต่ก่อนทำการประเมิน |
Framing (การวางกรอบ) | คือ ความเอนเอียงที่เกิดขึ้นเมื่อใช้วิธีการหรือคำพรรณนาอธิบายสถานการณ์หรือปัญหาแคบเกินไป |
Hindsight bias (ความเอนเอียงโดยมองย้อนหลัง) | บางครั้งเรียกว่า ปรากฏการณ์ "ฉันรู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว" เป็นความโน้มเอียงที่จะเห็นเหตุการณ์ในอดีตว่าเป็นเรื่องที่พยากรณ์ได้ |
ในบทความที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2012 นักวิชาการเสนอว่า ความเอนเอียงที่ดูเหมือนจะไม่มีความสัมพันธ์อย่างน้อย 8 อย่าง สามารถเกิดได้โดยใช้กลไกการสร้างของทฤษฎีสารสนเทศ[27]คือมีการแสดงว่า ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการรบกวน ในกระบวนการประมวลข้อมูลที่ต้องอาศัยความจำ ที่แปลงหลักฐานที่เป็นปรวิสัย (คือสังเกตการณ์) ให้เป็นค่าประเมินที่เป็นอัตวิสัย (คือการตัดสินใจ) สามารถที่จะสร้างความเอนเอียงทางประชานต่าง ๆ ได้คือregressive conservatism, belief revision (หรือเรียกว่า Bayesian conservatism), illusory correlation (สหสัมพันธ์ลวง), illusory superiority (ความเหนือกว่าลวง หรือปรากฏการณ์ว่าฉันเหนือกว่าคนอื่นโดยเฉลี่ย) และ worse-than-average effect (ฉันแย่กว่าคนอื่นโดยเฉลี่ย), subadditivity effect, exaggerated expectation, overconfidence (มั่นใจมากเกินไป), และ hard-easy effect
เมนูนำทาง
ความเอนเอียงทางประชาน รูปแบบใกล้เคียง
ความเสียวสุดยอดทางเพศ ความเจ็บปวด ความเหนือกว่าเทียม ความเท่าเทียมทางเพศ ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน ความเอนเอียงโดยการมองในแง่ดี ความเครียด (จิตวิทยา) ความเอนเอียงรับใช้ตนเอง ความเสี่ยงมหันตภัยทั่วโลก ความเป็นมาของตัวละครในเพชรพระอุมาแหล่งที่มา
WikiPedia: ความเอนเอียงทางประชาน http://132.74.59.154/internal/wiki/images/3/35/%D7... http://www.cognitivebiasparade.com http://www.cxoadvisory.com/gurus/Fisher/article/ http://books.google.com/books?id=qzhJ3KpLpQUC&pg=P... http://www.scribd.com/doc/30548590/Cognitive-Biase... http://www.williamjames.com/Science/ERR.htm http://www.sscnet.ucla.edu/comm/haselton/webdocs/h... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/10199218 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15736870 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/17835457