การวินิจฉัย ของ คอหอยอักเสบจากเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส

Modified Centor score
คะแนนความเสี่ยงมาตรการรักษา
1 หรือน้อยกว่า<10%ไม่ใช้แอนติบอดี้หรือการเพาะเชื้อ
211–17%ใช้แอนติบอดี้จากการเพาะเชื้อ หรือ RADT
328–35%
4 หรือ 552%ใช้แอนติบอดี้เชิงประจักษ์

หลักเกณฑ์ที่เรียกว่า Modified Centor score ใช้เพื่อกำหนดวิธีการรักษาผู้ที่เจ็บคอ โดยใช้พื้นฐานของเกณฑ์ทางคลินิกที่สำคัญห้าข้อ ซึ่งคะแนนจาก Centor score จะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มของการเป็นการเจ็บคอสเตรปโธรท[3]

จุดที่ระบุไว้สำหรับเกณฑ์สำคัญเหล่านี้คือ:[3]

  • ไม่มีการไอ
  • ต่อมในคอบวมและนิ่ม
  • มีไข้สูงกว่า 38°ซ (100.4°ฟ)
  • มีสารคัดหลั่งหรือการบวมของต่อมในลำคอ (ต่อมทอนซิล)
  • อายุต่ำกว่า 15 ปี (เกณฑ์ข้อนี้จะถูกหักลบด้วยผู้ที่อายุมากกว่า 44 ปี)

การทดสอบทางห้องปฏิบัติการ

การทดสอบที่เป็นวิธีการทดสอบหลักเรียกว่าการเพาะเชื้อจากสารคัดหลั่งในลำคอ[8] สำหรับการระบุว่าบุคคลนั้นเป็นการเจ็บคอสเตรปโธรทหรือไม่ วิธีการทดสอบนี้ให้ความแม่นยำในผลของโรคของผู้ที่ได้รับการทดสอบเท่ากับ 90 ถึง 95 เปอร์เซนต์ [3] อาจมีการใช้การทดสอบที่เรียกว่าการทดสอบสารก่อภูมิต้านทานเชื้อสเตรป (หรือเรียกอย่างหนึ่งว่าการตรวจอาร์เอดีที [Rapid Antigen Detection Testing]) การทดสอบเชื้อสเตรปนี้ให้ผลรวดเร็วกว่าการเพาะเชื้อแต่ความแม่นยำในผลของโรคของผู้ที่ได้รับการทดสอบนั้นคิดเป็นเพียง 70 เปอร์เซ็นต์ โดยทั้งสองการทดสอบนี้มีความเท่าเทียมกันในการระบุว่าบุคคลนั้นไม่มีเชื้อการเจ็บคอสเตรปโธรท (จาก 98 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ได้รับการทดสอบ)[3]

สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์การเป็นโรคคือผลการทดสอบด้วยการเพาะเชื้อที่เป็นบวก (หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า การทดสอบที่ระบุว่าบุคคลนั้นเป็นโรค) หรือการทดสอบสารก่อภูมิต้านทานเชื้อสเตรป ร่วมกับอาการของการเจ็บคอสเตรปโธรท [9] ผู้ที่ไม่มีอาการแสดงไม่ควรได้รับการทดสอบการเพาะเชื้อหรือการทดสอบสารก่อภูมิต้านทานเชื้อสเตรปเป็นประจำ เนื่องจากมีบุคคลเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่มีแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัสในลำคอของตนโดยปราศจากผลที่เป็นอันตราย [9]

ความเจ็บป่วยอื่นๆ ที่อาจสร้างความสับสนกับการเจ็บคอสเตรปโธรท

ดูเพิ่มเติมที่: Acute pharyngitis

อาการของการเจ็บคอสเตรปโธรทเป็นอาการที่คาบเกี่ยวกับภาวะอื่นๆ ดังนั้นการวินิจฉัยว่าเป็นการเจ็บคอสเตรปโธรทโดยไม่มีการทดสอบด้วยการเพาะเชื้อหรือการทดสอบสารก่อภูมิต้านทานเชื้อสเตรปอาจทำได้ยาก [3] นอกเหนือจากมีไข้และเจ็บคอแล้วนั้น การไอ มีน้ำมูก ท้องเสีย และตาแดงและเคืองก็เป็นแนวโน้มของการเจ็บคอที่เกิดจากเชื้อไวรัสมากกว่าที่จะเป็นการเจ็บคอสเตรปโธรทได้[3]การบวมของต่อม (ต่อมน้ำเหลือง) ในลำคอพร้อมกับเจ็บคอ มีไข้ และต่อม (ต่อมทอนซิล) ในลำคอโตสามารถเกิดขึ้นได้หากผู้ป่วยนั้นเป็นโรคที่เรียกว่าโรคติดเชื้อโมโนนิวคลีโอซิส (infectious mononucleosis)[10]

แหล่งที่มา

WikiPedia: คอหอยอักเสบจากเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส http://www.diseasesdatabase.com/ddb12507.htm http://www.emedicine.com/med/topic1811.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=034.... http://www.medicinenet.com/lidocaine_viscous/artic... http://www.mercksource.com/pp/us/cns/cns_hl_dorlan... http://www.utdol.com/online/content/topic.do?topic... http://www3.interscience.wiley.com/journal/1233722... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11127175 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11255529 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11327431