ชีวิตเบื้องต้นและการฝึกงานทางด้านศิลปะ ของ คัตสึชิกะ_โฮกูไซ

โฮกูไซเกิดเมื่อวันที่ 23 ของเดือนที่เก้าของปีที่สิบของสมัยโฮเรกิ (ตุลาคม หรือ พฤศจิกายน ค.ศ. 1760) ในครอบครัวช่างฝีมือในตำบลคัตสึชิกะในเอโดะ[5] เมื่อยังเด็กโฮกูไซมีชื่อว่าโทกิตาโร ญี่ปุ่น: 時太郎 โรมาจิTokitarō[1] เชื่อกันว่าบิดาชื่อนากาจิมะ อิเซะ เป็นช่างทำกระจกสำหรับโชกุน[1] แต่บิดาไม่ได้ให้โฮกูไซเป็นทายาท ซึ่งทำให้สันนิษฐานว่าแม่ของโฮกูไซอาจจะเป็นภรรยาน้อย[5] โฮกูไซเริ่มเรียนการเขียนภาพเมื่อมีอายุได้หกขวบ อาจจะเรียนจากบิดา ที่งานการทำกระจกรวมทั้งการเขียนภาพรอบกระจกด้วย[5]

โฮกูไซมีนามที่เป็นที่รู้จักกันอย่างน้อยก็ 30 ชื่อระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าการใช้ชื่อหลายชื่อจะเป็นเรื่องปกติที่ทำกันโดยจิตรกรญี่ปุ่นในยุคนั้น และจำนวนชื่อของโฮกูไซก็ยังถือว่ามีมากกว่าผู้อื่นมาก ชื่อที่เปลี่ยนบ่อยมักจะพ้องกับการเปลี่ยนลักษณะการเขียน ที่มีประโยชน์ในการแบ่งสมัยงานของโฮกูไซ[5]

คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานางาวะ” งานชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดของโฮกูไซซึ่งเป็นภาพแรกของภาพชุด “ทัศนียภาพ 36 มุมของภูเขาฟูจิ

เมื่ออายุได้ 12 ปี บิดาก็ส่งโฮกูไซให้ไปทำงานกับร้านหนังสือและห้องสมุดให้ยืมหนังสือ ซึ่งเป็นสถาบันที่เป็นที่นิยมมีกันในเมืองใหญ่ ๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่สำหรับอ่านหนังสือที่พิมพ์จากภาพพิมพ์แกะไม้ สำหรับคนชั้นกลางและชนชั้นสูง[6] เมื่ออายุได้ 14 ปีโฮกูไซก็ไปฝึกงานกับช่างแกะไม้เป็นเวลาสี่ปีจนอายุ 18 ปีเมื่อได้รับให้เข้าทำงานกับห้องศิลป์ของคัตสึกาวะ ชุนโช ผู้เป็นศิลปินผู้เขียนภาพอูกิโยะซึ่งเป็นงานพิมพ์แกะไม้และจิตรกรรมประเภทที่โฮกูไซกลายมาเป็นปรมาจารย์ต่อมา และเป็นผู้นำของตระกูลงานทำนองที่เรียกว่าตระกูลงานศิลปะแบบคัตสึกาวะ (Katsukawa school)[1] ภาพอูกิโยะที่เขียนโดยจิตรกรเช่นชุนโชจะเน้นการเขียนภาพสตรีในราชสำนักหรือนักแสดงคาบูกิที่มีชื่อเสียงตามเมืองต่าง ๆ ในญี่ปุ่นในขณะนั้น[7]

หลังจากนั้นปีหนึ่งโฮกูไซก็เปลี่ยนชื่อเป็นครั้งแรกโดยอาจารย์ว่า “ชุนโร” (Shunrō) ขณะที่ใช้ชื่อนี้โฮกูไซก็ได้สร้างภาพพิมพ์ของตนเองเป็นครั้งแรกซึ่งเป็นภาพชุดของนักแสดงคาบูกิในปี ค.ศ. 1779 ระหว่างช่วงสิบปีที่ทำงานกับห้องแกะไม้ของชุนโช โฮกูไซก็แต่งงานเป็นครั้งแรกแต่ก็ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับภรรยาซึ่งเสียชีวิตเมื่อต้นคริสต์ทศวรรษ 1790 โฮกูไซแต่งงานครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1797 ผู้เสียชีวิตไม่นานหลังจากนั้น โฮกูไซมีบุตรสองคนและมีบุตรีสามคนกับภรรยาสองคน ลูกสาวคนเล็กสุดซากาเอะ (Sakae) หรือ โออิ (Ōi) ต่อมาเป็นศิลปินเหมือนพ่อ[7]

เมื่อชุนโชเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1793 โฮกูไซก็เริ่มศึกษาลักษณะงานศิลปะประเภทต่าง ๆ ที่รวมทั้งลักษณะแบบยุโรป ที่มีโอกาสได้เห็นภาพพิมพ์ทองแดงของฝรั่งเศสและดัตช์[7] ต่อมาโฮกูไซถูกขับออกจากตระกูลงานศิลปะแบบคัตสึกาวะโดยชุงโก (Shunkō) ผู้เป็นผู้นำในบรรดาผู้ติดตามงานของชุนโช ที่อาจจะเป็นเพราะโฮกูไซไปศึกษากับโรงเรียนคู่แข่งสำนักคาโนะ (Kanō school) ก็เป็นได้ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่เป็นแรงผลักดันทางกำลังใจโฮกูไซกล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้ผมพัฒนางานเขียนของผมก็คือความอับอายที่ได้รับจากน้ำมือของชุงโก”[4]

ภาพพิมพ์ “ภูเขาฟูจิสีแดง” จากภาพชุด “ทัศนียภาพ 36 มุมของภูเขาฟูจิภาพพิมพ์ “นักเดินทางข้ามแม่น้ำโออิ” ภาพที่โฮกูไซเพิ่มเติมเข้าไปในภาพชุด “ทัศนียภาพ 36 มุมของภูเขาฟูจิ” ในภายหลัง เพราะความนิยมที่แพร่หลายของภาพชุดแรก

ต่อมาโฮกูไซก็เปลี่ยนหัวข้องานเขียนจากการวาดภาพของสตรีภายในราชสำนักและนักแสดงที่มักจะเป็นหัวเรื่องของการวาดภาพอูกิโยะ ไปวาดภาพภูมิทัศน์และภาพชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นจากชนระดับต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงหัวข้อเป็นการสร้างแนวเขียนภาพอูกิโยะแบบใหม่และแนวการเขียนใหม่ของโฮกูไซเอง[7] Fireworks at Ryōgoku Bridge (1790) dates from this period of Hokusai's life.[8]

แหล่งที่มา

WikiPedia: คัตสึชิกะ_โฮกูไซ http://www.book-navi.com/hokusai/hokusai-e.html http://www.book-navi.com/hokusai/link-e.html http://visipix.dynalias.com/search/search.php?q=ho... http://www.hokusai-drawings.com/ http://www.spideronthefloor.com/jordan http://www.touchandturn.com/hokusai/default.asp?la... http://www.csuchico.edu/art/contrapposto/contrappo... http://digitalmuseum.rekibun.or.jp/app/selected/ed... http://lambiek.net/artists/h/hokusai.htm http://web.archive.org/web/20021108104201/http://w...