คำสัตย์สาบาน ของ คำสาบานในสวนท้อ

สามพี่น้องร่วมสาบานแห่งสวนดอกท้อ ในฉบับสามก๊กฉบับละครโทรทัศน์ของจีนแผ่นดินใหญ่ ปี พ.ศ. 2538

คำสัตย์สาบานระหว่างเล่าปี่ กวนอูและเตียวหุย จากวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก ได้รับการเชิดชูและยกย่องจากชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นอย่างมาก เนื่องจากชาวจีนให้การเคารพและยกย่องความซื่อสัตย์จงรักภักดีควบคู่กับความกตัญญู คำสัตย์สาบานในสวนท้อจึงกลายเป็นเรื่องเล่ากล่าวขานเพื่อเป็นการยกย่องแก่เล่าปี่ กวนอูและเตียวหุยสืบและเป็นเยี่ยงอย่างให้ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลากว่าพันปี

ฉบับวรรณกรรม

คำสัตย์สาบานในฉบับวรรณกรรมสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) กล่าวไว้ว่าภายหลังจากเล่าปี่ กวนอูและเตียวหุยได้เห็นต้องกันในความคิดที่จะอาสาออกปราบโจรโพกผ้าเหลือง จึงชวนกันไปยังบ้านเตียวหุยเพื่อร่วมคำสัตย์สาบาน ตามความปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ความว่า "ครั้นรุ่งขึ้น เตียวหุยจึงจัดม้าขาวกระบือดำ แลธูปเทียนสิ่งของทั้งปวงแล้วชวนกันออกมายังสวนดอกไม้ จึงจุดธูปเทียนไหว้พระแลบูชาเทพดา แล้วจึงตั้งสัตย์สาบานต่อกันว่า ข้าพเจ้าเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ทั้งสามคนนี้อยู่ต่างเมือง วันนี้ได้มาพบกัน จะตั้งสัตย์สบถเป็นพี่น้องร่วมท้องกัน เป็นน้ำใจเดียวซื่อสัตย์ต่อกันสืบไปจนวันตาย จะได้ช่วยทำบุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้ามีภัยอันตรายสิ่งใดแลรบศึกเสียที ข้าพเจ้ามิได้ทิ้งกัน จะแก้กันกว่าจะตายทั้งสาม แลความสัตย์นี้ข้าพเจ้าได้สาบานต่อหน้าเทพดาทั้งปวงจะเป็นทิพยพยาน ถ้าสืบไปภายหน้าข้าพเจ้าทั้งสามมิได้ซื่อตรงต่อกัน ขอให้เทพดาสังหารผลาญชีวิตให้ประจักษ์แก่ตาโลก"[2] และเรียกเล่าปี่เป็นพี่ใหญ่ กวนอูเป็นน้องกลางและเตียวหุยเป็นน้องสุด

ฉบับละครโทรทัศน์

ภายหลังจากประเทศจีนได้นำวรรณกรรมสามก๊กมาจัดทำในรูปแบบของละครโทรทัศน์ในปี พ.ศ. 2538 เพื่อเป็นการเชิดชูเกียติวรรณกรรมอมตะของจีนที่ได้รับการกล่าวขานไปทั่วโลก การร่วมพบกันระหว่างเล่าปี่ กวนอูและเตียวหุยและคำสัตย์สาบานในสวนท้อของเล่าปี่ กวนอูและเตียวหุยได้มีความแตกต่างจากวรรณกรรมบ้างเล็กน้อยโดยทั้งสามได้พบกันที่ตลาด เล่าปี่เป็นเพียงคนทอเสื่อและรองเท้าฟาง กวนอูเป็นเพียงคนขายถั่วและเตียวหุยเป็นพ่อค้าขายหมู ภายหลังเกิดการปะทะฝีมือกันระหว่างกวนอูและเตียวหุย เล่าปี่เป็นผู้เข้าห้ามและชักนำไปสู่การแลกเปลี่ยนคำสนทนาในการอาสาปราบโจรโพกผ้าเหลือง ก่อนได้ร่วมให้คำสัตย์สาบานต่อกันในสวนท้อของเตียวหุยว่า "แม้นไม่เกิดวัน เดือน ปีเดียวกัน แต่ขอตายวัน เดือน ปีเดียวกัน"[3]