การอนุรักษ์ ของ คีอา

ความอยากรู้อยากเห็นของนกคีอาป้ายเตือนอนุรักษ์นกคีอา

ในคริสต์ทศวรรษ 1970 นกแก้วคีอาได้รับการคุ้มครองบางส่วนหลังจากการสำรวจสำมะโนประชากรนก ซึ่งนับได้เพียง 5,000 ตัว รัฐบาลยินยอมตรวจสอบรายงานของนกที่มีปัญหาและนำพวกมันออกจากพื้นที่[45] ในปี พ.ศ. 2529 นกแก้วคีอาได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ภายใต้พระราชบัญญัติสัตว์ป่า (นิวซีแลนด์) พ.ศ. 2496[46]

แม้จะจัดอยู่ในประเภทที่ใกล้สูญพันธุ์ในระดับประเทศ ในระบบการจัดประเภทภัยคุกคามของนิวซีแลนด์[47] และสถานะใกล้สูญพันธุ์ (EN) ในรายการแดงของ IUCN และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย แต่คีอายังถูกยิงโดยเจตนา ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 ชาวบ้านหมู่บ้าน Fox Glacier สังหารนกแก้วคีอา 33 ตัว[48] และในปี พ.ศ. 2551 มีการยิงนกคีอา 2 ตัวที่ Arthur's Pass และเย็บซากติดกับป้าย[49] และถูกคุกคามจากสัตว์ต่างถิ่นรุกรานที่นำเข้าโดยผู้ตั้งถิ่นฐานจากยุโรป เช่น แมวบ้าน หนู พอสซัม มีส่วนรบกวนอัตราความสำเร็จในการขยายพันธุ์โดยปกติร้อยละ 70 ให้เหลือเพียงร้อยละ 40 เมื่อไม่มีการควบคุมจำนวนสัตว์ต่างถิ่นเหล่านั้น[50]

การตายของนกแก้วคีอาจากการขนส่งจราจรทำให้หน่วยงานขนส่งของนิวซีแลนด์ติดตั้งป้าย เพื่อช่วยสร้างความตระหนักและเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนชะลอรถลงหากจำเป็น[51]

โครงการวิทยาศาสตร์พลเมืองที่เรียกว่า "ฐานข้อมูลคีอา" เปิดตัวในปี พ.ศ. 2560 ซึ่งช่วยให้สามารถบันทึกการสังเกตพฤติกรรมของนกแก้วคีอา ไปยังฐานข้อมูลออนไลน์ได้ ถ้าพบนกแก้วคีอาที่มีพฤติกรรมการโจมตีจะได้รับตั้งชื่อและขื้นบัญชีตรวจสอบ สามารถติดตามนิสัยและพฤติกรรมของนกแก้วคีอาแต่ละตัวได้[52]

บางคนเรียกร้องให้นำนกแก้วคีอา กลับมาแพร่พันธุ์ในเขตปลอดผู้ล่าในเกาะเหนือ ดร.ไมค์ ดิกกิสัน อดีตภัณฑารักษ์ด้านประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่พิพิธภัณฑ์ภูมิภาควางกานุย บอกกับนิตยสาร North & South ในฉบับเดือนตุลาคม 2018 ว่านกจะสามารถใช้ชีวิตได้ดีบนภูเขารัวเปฮู[53]

การอนุรักษ์นกคีอา ได้รับการสนับสนุนโดยองค์การนอกภาครัฐ กองทุนอนุรักษ์คีอา (Kea Conservation Trust NGO) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2549 เพื่อปกป้องนกแก้วคีอา[54]