สำหรับแวมไพร์ที่หมายถึง
ผีตามความเชื่อของชาวยุโรปยุคกลาง ดูที่:
แวมไพร์ค้างคาวแวมไพร์ หรือ
ค้างคาวดูดเลือด (
อังกฤษ: Vampire bat) เป็น
ค้างคาวกลุ่มหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดใน
ทวีปอเมริกาใต้และ
อเมริกากลาง มีพฤติกรรมดูด
เลือดสัตว์ชนิดอื่นเป็นอาหาร จากพฤติกรรมของมันทำให้ได้
ชื่อว่าเป็นค้างคาวแวมไพร์ หรือค้างคาวดูดเลือด เหมือน
แวมไพร์ ใน
ความเชื่อของชาวยุโรป
ยุคกลาง[2]ค้างคาวแวมไพร์ เป็นค้างคาวขนาดเล็กมีทั้งหมด 3
ชนิด ใน 3
สกุล จัดอยู่ใน
วงศ์ค้างคาวจมูกใบไม้โลกใหม่ (Phyllostomidae)
[1] เป็นค้างคาวที่ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อ 26 ล้านปีก่อน โดยมีความสัมพันธ์กับ
ค้างคาวกินแมลง[3] มีพฤติกรรมอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ใน
ถ้ำใน
ป่าดิบ ออกหากินในเวลา
กลางคืน โดยจะกินแต่เพียงเลือดของ
สัตว์เลือดอุ่นขนาดใหญ่กว่าเป็นอาหารเท่านั้น (บางชนิดจะกิน
นกเป็นอาหาร)
[3] โดยมีฟันแหลมคมซี่หน้าคู่หนึ่งกัด โดยมากสัตว์ที่ถูกดูดกิน จะเป็น
ปศุสัตว์ เช่น
หมู หรือ
วัว เป็นต้น ซึ่งสายตาของค้าวคาวแวมไพร์จะมองเห็นเป็นภาพ
อินฟาเรด จาก
ความร้อนของ
อุณหภูมิในร่างกายของเหยื่อ ทำให้มองเห็นในเวลากลางคืนได้ดีมาก และเป็นตัวนำไปสู่การเลือกตำแหน่งที่กัด ซึ่งจะเป็นอวัยวะส่วนต่าง ๆ เช่น
ใบหู,
ข้อศอก หรือ
หัวนม และขณะที่กัด ด้วยความคมของฟันประกอบกับมักจะกัดในเวลาที่เหยื่อ
นอนหลับ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัว และขณะที่ดูดเลือดอยู่นั้น ค้างคาวจะขับ
ปัสสาวะไปด้วย เนื่องจากจะดูดเลือดในปริมาณที่มาก ทำให้ไม่สามารถบินได้ โดยปริมาณเลือดที่ค้างคาวดูดไปนั้น หากคำนวณว่าดูดเลือดหมูทุกคืน ภายในเวลา 5
เดือน จะมีปริมาณเท่ากับน้ำหนัก 5
แกลลอน ซึ่งเลือดที่ไหลออกมานั้นจะไหลผ่านลิ้นของค้างคาวที่มีร่องพิเศษช่วยให้เลือดไหลผ่าน
หลอดเลือดฝอยได้โดยง่าย และใน
น้ำลายค้างคาวจะมี
เอนไซม์ทำให้เลือดไม่แข็งตัว
[3]ซึ่งค้างคาวแวมไพร์ก็อาจดูดเลือด
มนุษย์ได้ด้วยเช่นกันในเวลาหลับ และถึงแม้จะน่ากลัว แต่ค้างคาวแวมไพร์ก็มีความผูกพันกับลูก พ่อและแม่ค้างคาวจะเลี้ยงดูลูกค้างคาวที่ยังบินไม่ได้นานถึง 9
เดือน โดยจะนำเลือดที่ดูดเหลือกลับมาฝาก และฝากไปยังค้างคาวตัวอื่น ๆ ในฝูงที่หากินได้ไม่อิ่มพอด้วย
[4] นอกจากนี้แล้ว ค้างคาวแวมไพร์ยังเป็นพาหะนำ
โรคกลัวน้ำ หรือโรคพิษสุนัขบ้า ที่ทำให้มีผู้
เสียชีวิตได้ด้วย
[5]