สถานีย่อยจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวกาลาเทีย [1] (
อังกฤษ: Epistle to the Galatians) เรียกโดยย่อว่า
พระธรรมกาลาเทีย เป็นเอกสารฉบับที่ 9 ของ
คัมภีร์ไบเบิล ภาค
พันธสัญญาใหม่บทแรกของพระธรรมเล่มนี้ระบุว่าผู้เขียนคือ
นักบุญเปาโล ซึ่งเป็นจดหมายที่
นักบุญเปาโลเขียนถึงคริสตจักรทั้งหลายในแคว้นกาลาเทีย
[2] เมื่อศึกษาและวิเคราะห์จากหลักฐานต่างๆที่มีอยู่ เชื่อได้ว่า
กาลาเทีย น่าจะเป็นจดหมายฉบับแรกที่
นักบุญเปาโลเขียนขึ้น แต่ไม่สามารถยืนยันช่วงเวลาที่เขียนอย่างแน่นอนได้ ประมาณกันว่า น่าจะราวๆปีค.ศ. 50จากการเดินทางไปประกาศข่าวประเสริฐของ
นักบุญเปาโลในแคว้นกาลาเทีย
นักบุญเปาโลเลือกที่จะประกาศข่าวประเสริฐตามเมืองต่างๆ เช่น อันติโอก ลิสตรา เดอร์บี
[3] และอิโคนียูม
[4] เพราะความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เนื่องจากเมืองดังกล่าวเป็นศูนย์กลางที่สำคัญทางการค้า และเป็นแหล่งรวมประชากรหลายเชื้อชาติ ผู้ที่ได้เดินทางมายังเมืองเหล่านี้ เมื่อได้ยินข่าวประเสริฐแล้วก็นำกลับไปบอกกล่าวในบ้านเมืองของตนเอง เกิดผลเป็นอย่างมาก ทำให้มีการรวมตัวกันตั้งคริสตจักรขึ้นหลายแห่งในแคว้นกาลาเทีย
นักบุญเปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้น เพราะหลังจากที่
นักบุญเปาโลได้เดินทางต่อไปยังเมืองอื่นแล้ว เกิดปัญหาขึ้นหลายประการในคริสตจักร เช่น คริสเตียนที่เคยเป็นชาวยิวปฏิเสธความเป็นอัครทูตของ
นักบุญเปาโล บางกลุ่มกล่าวหาว่า
นักบุญเปาโลประกาศข่าวประเสริฐเพื่อเอาใจชาวต่างชาติ โดยละเว้นการประพฤติตามธรรมบัญญัติบางประการ นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งระหว่างคริสเตียนที่เดิมเคยเป็นชาวยิว กับคริสเตียนที่เดิมเคยเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโต้แย้งกันในเรื่องของธรรมบัญญัติ เช่น ผู้ที่จะเป็นคริสเตียนต้องเข้าสุหนัต (การตัดส่วนปลายของหนังหุ้มอวัยวะเพศชาย) เป็นต้นในหลายตอนของพระธรรม
กาลาเทีย นักบุญเปาโลเขียนอย่างคารมคมคายแต่เข้มแข็งอยู่ในตัว เช่น ตอนที่
นักบุญเปาโลต่อว่า
นักบุญเปโตรว่า "ถ้าท่านเองซึ่งเป็นพวกยิว ประพฤติตามอย่างคนต่างชาติ ไม่ใช่ตามอย่างพวกยิว เหตุไฉนท่านจึงบังคับคนต่างชาติให้ประพฤติตามอย่างพวกยิวเล่า"
[5] หรือตอนที่
นักบุญเปาโลโต้แย้งว่า การจะเข้าสุหนัตหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
[6] โดยสรุปว่า "ข้าพเจ้าอยากให้คนเหล่านั้น ที่ทำให้ท่านยุ่งยากตอนตนเองเสียเลย"
[7] เป็นต้นวัตถุประสงค์ในการเขียนพระธรรม
กาลาเทีย ของ
นักบุญเปาโลมีอยู่ 3 ประการ ประการแรกคือ เพื่อยืนยันความจริงในพันธสัญญาใหม่ว่า คริสเตียนจะถูกตัดสินจากความเชื่อใน
พระเยซูเท่านั้น ไม่มีอะไรน้อยหรือมากไปกว่านี้ มนุษย์จะพ้นความบาปได้โดยการเชื่อฟัง ที่ไม่ได้มาจากธรรมบัญญัติแต่มาจากความเชื่อในงานของพระเจ้า ซึ่งเกิดขึ้นโดยพระคุณและฤทธิ์อำนาจของ
พระเยซูและพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้นประการที่สองคือ
นักบุญเปาโลต้องการยืนยันในความเป็นอัครทูตของตน ดังที่เขียนไว้ว่า "เมื่อยากอบกับเคฟาสและยอห์นผู้ที่เขานับถือว่าเป็นหลัก ได้เห็นพระคุณซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าแล้ว ก็ได้จับมือขวาของข้าพเจ้ากับบารนาบัส แสดงว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เพื่อให้เราไปหาคนต่างชาติ และท่านเหล่านั้นจะไปหาพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัต"
[8] ซึ่งความเป็นอัครทูตไม่ใช่มีไว้สำหรับโอ้อวดหรือประโยชน์ส่วนตน แต่เพื่อทำให้
นักบุญเปาโลสามารถประกาศข่าวประเสริฐหรือเทศนาได้ด้วยสิทธิอำนาจที่
พระเยซูได้ประทานให้ ประการที่สามคือ
นักบุญเปาโลต้องการกำชับให้คริสเตียนดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้อง ในตอนท้ายของจดหมาย หลังจากที่ได้เขียนข้อความต่างๆตามสองวัตถุประสงค์แรกไปแล้ว
นักบุญเปาโลลงท้ายจดหมายด้วยการเน้นถึงสิ่งที่ควรกระทำและสิ่งที่ต้องไม่กระทำ เนื้อหาส่วนนี้
นักบุญเปาโลใช้ถ้อยคำง่ายๆ ตรงไปตรงมาและเข้าใจได้ชัดเจน เช่น "เราอย่าถือตัว อย่ายั่วโทสะกัน และอย่าอิจฉาริษยากันเลย"
[9] หรือ "จงช่วยรับภาระของกันและกัน ท่านจึงจะได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระคริสต์"
[10] เป็นต้น