ประวัติของพระองค์ ของ จักรพรรดิฮั่นอู่

เมื่อ 140 ปีก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าฮั่นอู่ตี้ขึ้นครองราชสมบัติด้วยพระชนมายุเพียง 16 พรรษา พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล จึงทรงสร้างผลงานยิ่งใหญ่ให้กับประเทศด้านกิจการภายในและการต่างประเทศ พระองค์ทรงครองราชย์เป็นเวลา 54 ปี ทรงปกครองประเทศจีนให้พัฒนาขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกำลังเข้มแข็งที่สุดของโลกในยุคนั้น จากทัศนะของนักประวัติศาสตร์ในหนังสือ "ประวัติศาสตร์โลก" ฉบับที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ ประเทศที่มีกำลังพอ ๆ กับราชวงศ์ฮั่นในสมัยนั้นมีเพียงอาณาจักรโรมันเลยทีเดียว

พระเกียรติที่ได้รับการเทิดทูนมากที่สุดของพระเจ้าฮั่นหวู่ตี้คือผลงานด้านการทหาร นับตั้งแต่การสถาปนาราชวงศ์ฮั่นเมื่อ 202 ปีก่อนคริสต์ศักราชเป็นต้นมา เขตแดนของราชวงศ์ฮั่นก็ถูกเผ่าชนซงหนูซึ่งเป็นเผ่าชนปศุสัตว์เร่ร่อนทางภาคเหนือรุกรานเรื่อยมา ส่งผล กระทบร้ายแรงต่อเสถียรภาพและการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ กษัตริย์องค์ก่อน ๆ ของราชวงศ์ฮั่นทรงใช้นโยบายตั้งรับซึ่งทำให้ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ เช่น พระราชทานพระธิดาให้ผู้นำชนเผ่าซงหนู เพื่อแลกกับสันติภาพชั่วคราว พอมาถึงสมัยพระเจ้าฮั่นหวู่ตี้ ราชวงศ์ฮั่นก็เสริมสร้างแสนยานุภาพให้เข้มแข็งเกรียงไกรขึ้น ใช้นโยบายออกโจมตีอย่างเป็นฝ่ายกระทำ โดยมีการจัดส่งกองทัพไปประจำยังพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้าและทะเลทรายทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายปี อีกทั้งยังยกทัพไปตีชนเผ่าซงหนูให้ราบคาบจนชนเผ่าซงหนูได้รับความปราชัย ชนเผ่าซยงหนูจึงไม่บังอาจยกทัพไปรุกรานราชวงศ์ฮั่นอีก

จากนั้นพระองค์ยังได้สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับการพัฒนาและเสริมความมั่นคงให้แก่ประเทศ หลังจากพระเจ้าฮั่นหวู่ตี้สวรรคตไปแล้ว พระองค์ได้รับการถวายพระนามยกย่องสดุดีพระเกียรติให้เป็น "กษัตริย์หวู่ตี้" ซึ่งแปลว่า "กษัตริย์นักรบ" (ฮั่นบู๊เต้ ในภาษาแต้จิ๋ว) ซึ่งเป็นข้อสรุปสำหรับผลงานอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ด้านกิจการภายในนั้น พระเจ้าฮั่นหวู่ตี้ทรงเป็นผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ พระองค์ได้ประกาศล้มล้างแนวคิดลัทธิเต๋าที่เชิดชู "ความเป็นธรรมชาติแบบปล่อยปละและไม่กระทำการใด ๆ" ซึ่งฮ่องเต้องค์ก่อน ๆ ได้ถือปฏิบัติมา และมีพระราชดำริให้นำแนวคิดลัทธิขงจื๊อมาเป็นหลักในการปกครองแทน ทำให้ลัทธิขงจื๊อได้เลื่อนขึ้นมาเป็นบรมครูแห่งความคิดที่ชี้นำการปกครองบ้านเมืองของฮ่องเต้รุ่นหลังเป็นเวลาอีกกว่า 2,000 ปี

ขณะเดียวกัน พระเจ้าฮั่นหวู่ตี้ยังเป็นนักการทูตที่มีสายพระเนตรยาวไกลอีกด้วย มีอยู่สองครั้งที่พระองค์เคยแต่งตั้งจางเชียนเป็นทูตให้ออกเดินทางไปทางเขตตะวันตก ซึ่งก็คือ พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลทางตะวันตกของมณฑลกานสูและเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูรย์ในปัจจุบัน เป็นการเริ่มต้นเปิด “เส้นทางสายไหม" ที่เชื่อมจีนกับเอเชียกลางและโลกตะวันตก จากนั้น ผ้าไหม วิธีการทำกระดาษและศิลปะต่าง ๆ ของจีนก็ได้แพร่เข้าสู่ดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลกโดยผ่านเส้นทางสายไหม ส่วนเครื่องหอมและผลิตภัณฑ์ศิลปะหัตถกรรมต่าง ๆ ของนานาประเทศก็ได้แพร่เข้าสู่จีนโดยผ่านเส้นทางสายไหมเช่นกัน กล่าวได้ว่า พระเจ้าฮั่นหวู่ตี้ได้ปูพื้นฐานให้แก่การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับโลกตะวันตก ฉางอันราชธานีของราชวงศ์ฮั่นเคยเป็นศูนย์กลางการเมืองและเศรษฐกิจของทวีปเอเชียในสมัยนั้น ส่วนเส้นทางสายไหมก็เป็นเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมจีนกับตะวันตกอยู่หลายร้อยปีจนเส้นทางคมนาคมทางทะเลได้เกิดบทบาทขึ้นมาแทนในช่วงศตวรรษที่ 8

นอกจากนี้แล้ว พระเจ้าฮั่นหวู่ตี้ยังโปรดปรานวรรณคดีและศิลปะหลากหลายประเภท ซือหม่าเซี่ยนหรู กวีในยุคนั้นได้รับแต่งตั้งจากพระเจ้าฮั่นหวู่ตี้ให้เป็นขุนนางชั้นสูงเพราะมีความรู้ความสามารถ

ทางด้านศิลปะวรรณคดี ซือหม่าเซียน นักประวัติศาสตร์และนักวรรณคดีที่มีความรู้มากที่สุดอีกคนหนึ่งก็ได้รับการพระราชทานแต่งตั้งเป็นขุนนางชั้นสูงเช่นกัน ซือหม่าเชียนได้รวบรวมประวัติศาสตร์จีน 3,000 ปีขึ้นเป็นฉบับแรก กล่าวได้ว่า พระเจ้าฮั่นหวู่ตี้มีส่วนส่งเสริมให้วัฒนธรรมจีนเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ

ใกล้เคียง

จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ จักรพรรดิโชวะ จักรพรรดิเมจิ จักรพรรดิ จักรพรรดิคังซี จักรพันธ์ แก้วพรม จักรพรรดิเปดรูที่ 1 แห่งบราซิล จักรพรรดินีโคไลที่ 2 แห่งรัสเซีย จักรพรรดิบ๋าว ดั่ย