บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
จักรวรรดิบัลแกเรียที่ 2 หรือ
อาณาจักรซาร์แห่งบัลแกเรีย (
อังกฤษ:
Second Bulgarian Empire,
บัลแกเรีย: Второ българско царство, Vtorо Balgarskо Tsartsvo) เป็น
จักรวรรดิในใน
ยุคกลางของ
บัลแกเรียที่ก่อตั้งในปี
ค.ศ. 1185 และรุ่งเรืองมาจนถึงปี
ค.ศ. 1396 (หรือ ค.ศ. 1422)
[1] จักรวรรดิบัลแกเรียที่ 2 เป็นจักรวรรดิที่สืบต่อจาก
จักรวรรดิบัลแกเรียที่ 1 และมามีอำนาจรุ่งเรืองที่สุดในรัชสมัยของ
สมเด็จพระจักรพรรดิคาโลยัน และ
สมเด็จพระจักรพรรดิไอวาน อาเซนที่ 2 แห่งบัลแกเรีย ก่อนที่มาจะค่อยๆ เสื่อมโทรมลงจนในที่สุดก็ถูกพิชิตโดย
จักรวรรดิออตโตมันในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 จักรวรรดิบัลแกเรียที่ 2 ตามมาด้วยราชอาณาจักรที่ปกครองโดยเจ้าชายและต่อมาโดยพระมหากษัตริย์เป็น
ราชอาณาจักรบัลแกเรียในปี
ค.ศ. 1878มาจนถึงปี ค.ศ. 1256 จักรวรรดิบัลแกเรียที่ 2 เป็นจักรวรรดิมหาอำนาจใน
คาบสมุทรบอลข่าน[2] ระหว่างนั้นไบแซนไทน์ก็ได้รับความพ่ายแพ้หลายครั้งในยุทธการต่างๆ และในปี ค.ศ. 1205
จักรวรรดิละตินที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นก็มาถูกทำลายอย่างย่อยยับใน
ยุทธการอันเดรียโนเปิล โดย
คาโลยันแห่งบัลแกเรีย ต่อมาพระราชนัดดาของพระองค์
ไอวาน อาเซนที่ 2 ก็ทรงพิชิต
อาณาจักรเดสโพเททแห่งเอพิรอส (Despotate of Epiros) ได้ ซึ่งเป็นผลทำให้จักรวรรดิบัลแกเรียกลายเป็นมหาอำนาจของยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 13 แต่ต่อมาจักรวรรดิก็มาเสื่อมโทรมลงหลังจากการรุกรานเป็นระยะๆ ของ
ชนทาร์ทาร์,
ไบแซนไทน์,
ชนฮังการี และจากการขาดความมั่นคงทางการเมืองและจากการปฏิวัติที่เกิดขึ้นภายในจักรวรรดิเอง ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 จักรวรรดิบัลแกเรียก็ถูกรุกรานโดยทั่วไปโดย
จักรวรรดิไบแซนไทน์ผู้เข้ามาบ่อนทำลายเศรษฐกิจและโครงสร้างทางการบริหาร, ลดจำนวนประชากรของบัลแกเรีย และ เข่นฆ่าชนชั้นปกครองของบัลแกเรียไปเป็นจำนวนมากทางด้านวัฒนธรรมจักรวรรดิบัลแกเรียเป็นหนึ่งในดินแดนที่ก้าวหน้าที่สุดในบรรดาประเทศต่างในยุโรปขณะนั้น
[3] แม้ว่าไบแซนไทน์จะมีอิทธิพลเป็นอันมากต่อบัลแกเรียแต่ศิลปะและสถาปัตยกรรมของบัลแกเรียก็ยังสามารถดำรงความเป็นเอกลักษณ์ของตนเองอยู่ได้โดยไม่เปลี่ยนแปลง ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 บัลแกเรียก็มีความรุ่งเรืองทั้งทางด้านศิลปะและวรรณกรรม ประชากรส่วนใหญ่ในบัลเกเรียก็เป็นผู้มีการศึกษาดี
[4]