ประวัติ ของ จีเอ็มเอ็ม_แกรมมี่

อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เพลส (ตึกแกรมมี) ย่านสุขุมวิท 21 (ถนนอโศกมนตรี)

พ.ศ. 2526 - พ.ศ. 2529

เมื่อปี พ.ศ. 2526 ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม นำเงินที่สะสมไว้ราว 4-5 แสนบาท มาเป็นทุนจดทะเบียนก่อตั้ง บริษัท แกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด โดยร่วมกับ เรวัต พุทธินันทน์ นักดนตรีซึ่งมีชื่อเสียงในยุคนั้นและกลุ่มเพื่อนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน โดยก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตงานดนตรีแล้วบันทึกเพื่อจำหน่าย มีสถานะเป็นค่ายเพลง และผลิตศิลปินนักดนตรีเป็นหลัก ซึ่งผลงานลิขสิทธิ์ชิ้นแรกของแกรมมี่ คือการผลิตเพลงชุดมหาดุริยางค์ไทย ที่ประพันธ์โดยหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) โดยในระยะแรกดำเนินธุรกิจหลักสร้างสรรค์ผลงานเพลงไทยสากล โดยมีศิลปินคนแรกคือ แพทย์หญิงพันทิวา สินรัชตานันท์ โดยออกอัลบั้มชุดแรก นิยายรักจากก้อนเมฆ และต่อมาแกรมมี่ได้ผลิตรายการทีวี 3 รายการ ได้แก่ ยิ้มใส่ไข่, มันกว่าแห้ว และ เสียงติดดาว

ในปี พ.ศ. 2527 แกรมมี่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการออกอัลบั้ม เต๋อ 1 ของ เรวัต พุทธินันทน์ และพร้อมทั้ง คาราบาว อัลบั้ม เมด อิน ไทยแลนด์ เป็นอัลบั้มที่ 5 ของวงโดยมีแกรมมี่สนับสนุนอยู่ ซึ่งทำยอดขายได้ถึง 5 ล้านตลับ เป็นสถิติยอดจำหน่ายอัลบั้มเพลงของศิลปินไทยที่สูงที่สุดของไทยไม่มีใครทำลายได้มาจนปัจจุบัน

ในปี พ.ศ. 2529 มีการออกอัลบั้มแรกของ ธงไชย แมคอินไตย์ อัลบั้ม หาดทราย สายลม สองเรา[8] ออกวางตลาด ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง พร้อมทั้งเพิ่มการผลิตเพลง แนวเพลงร็อค ได้แก่ วงไมโคร ในอัลบั้มแรก ร็อค เล็ก เล็ก[9] ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเช่นกัน จากเพลง รักปอนปอน หลังจากจากนั้นมีผลงานต่อมาคือ หมื่นฟาเรนไฮต์[10] ซึ่งมีเพลงประจำคอนเสิร์ตมือขวาคือเพลง เอาไปเลย และ เต็มถัง[11] ซึ่งมีเพลงดังคือ ส้มหล่น

พ.ศ. 2531 - พ.ศ. 2536

ในปี พ.ศ. 2531 จัดตั้งบริษัท เอ็มจีเอ จำกัด (Music Generating Administration) เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายเทปเพลงและสินค้าบันเทิงต่างๆ จากนั้นจึงเริ่มขยายกิจการ ไปสู่ธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์และรายการวิทยุ

ในปี พ.ศ. 2532 ได้ขยายธุรกิจวิทยุ โดยจัดตั้ง บริษัท เอไทม์ มีเดีย จำกัด ควบคุมโดย สายทิพย์ ประภาษานนท์ ออกอากาศ GreenWave และ Hot Wave เป็นสองสถานีแรก

ในปี พ.ศ. 2534 จัดตั้งบริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด โดยผลิตรายการโทรทัศน์ ควบคุมโดย ถกลเกียรติ วีรวรรณ และเริ่มออกอากาศละครซิทคอม เรื่อง "3 หนุ่ม 3 มุม" และในปีเดียวกัน ได้จัดสร้างบริษัท เอ็กซ์ทรอกาไนเซอร์ จำกัด เป็นธุรกิจการแสดงและคอนเสิร์ต ทำให้บริษัทมีความเจริญเติบโตมากขึ้น

ในปี พ.ศ. 2536 บริษัทเริ่มต้นเข้าสู่ยุคแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์และภูมิปัญญาของผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลงและผลงานบันเทิง และเมื่อปี พ.ศ. 2537 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นบริษัท แกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการทำธุรกิจดนตรี และสื่อควบคู่กันเรื่อยมา จนกระทั่งกลายเป็นบริษัทที่ครองตลาดเพลงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย[12] โดยมีรายได้จากธุรกิจดนตรีไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี ในปีเดียวกันเริ่มมีธุรกิจภาพยนตร์โดยชื่อว่า แกรมมี่ภาพยนตร์ หรือ แกรมมี่ ฟิล์ม และเมื่อปี พ.ศ. 2539 เริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ โดยการเข้าลงทุนในนิตยสารอิมเมจ

พ.ศ. 2540 - พ.ศ. 2547

แล้วจากนั้นก็เริ่มขยายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเปิดบริษัทในไต้หวัน ในปี พ.ศ. 2540 และในปี พ.ศ. 2542 ได้มีการจัดตั้งสถาบันดนตรี โรงเรียนมีฟ้า แล้วปีถัดไปในปี พ.ศ. 2543 จัดตั้งหน่วยธุรกิจ E - Business

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2545 มีการปรับโครงสร้างธุรกิจและองค์กรครั้งใหญ่ โดยแบ่งการดำเนินธุรกิจเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) (เปลี่ยนเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2544) และก่อตั้งบริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) ควบคุมโดย สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา เพื่อดำเนินธุรกิจสื่อทุกประเภท โดยนำทั้งสองบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท โดยมีการโอนขายบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจวิทยุ ธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ และธุรกิจสิ่งพิมพ์ จำนวน 8 บริษัท โดยคำว่า "GMM" ย่อมาจาก "Global Music & Media"[13]

ต่อมาในปี พ.ศ. 2546 กลุ่มบริษัทมีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจภาพยนตร์ ภายในปีเดียวกันมีภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน โดย 365 ฟิล์ม ร่วมทุนสร้างกับ ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ หับ โห้ หิ้น เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุดจากการฉายสูงสุดในปีนั้น ด้วยมูลค่าถึง 137.7 ล้านบาท และในปีเดียกัน ภาพยนตร์เรื่อง บิวตี้ฟูล บ๊อกเซอร์ ยังได้รับความสนใจจากต่างประเทศอย่างมาก กำกับโดย เอกชัย เอื้อครองธรรม

จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีรายได้และกำไรสูงที่สุดนับแต่ก่อตั้ง เป็นจำนวนกว่า 6,671 ล้านบาท และเป็นผลให้มูลค่าตลาดของ กลุ่มบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีมูลค่ากว่า 11,025 ล้านบาท และในปีเดียวกันบริษัทตั้งเป้าหมายสู่การเป็น "King of content" โดยการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ บริษัท ดีทอล์ก จำกัด เป็นธุรกิจโทรทัศน์, บริษัท สยามอินฟินินิท จำกัด ให้บริการเกมออนไลน์, บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด ธุรกิจภาพยนตร์ และบริษัท นินจา รีเทินส์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด รับจัดกิจกรรมและคอนเสิร์ต[14]

พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2549

ในช่วงปี พ.ศ. 2548 บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่มีเหตุการณ์สำคัญ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ในปี พ.ศ. 2549 เข้าร่วมทุนในบริษัท จีเอ็มเอ็ม ฟิตเนส คลับ จำกัด เพื่อให้บริการด้านสถานออกกำลังกาย โดยบริษัทถือหุ้น ในสัดส่วนร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียน จำนวน 40 ล้านบาท ในปีเดียวกัน เข้าร่วมทุนในบริษัท ลักษ์มิวสิก 999 จำกัด เพื่อขยายธุรกิจด้านผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเพลงโดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนจำนวน 20 ล้านบาท

พ.ศ. 2550 - พ.ศ. 2555

ในปีต่อมา พ.ศ. 2550 บริษัทซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ทรี-อาร์ดี จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 จำนวน 2.63 ล้านบาท ในปีเดียวกัน บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) ได้ลงทุนในหุ้นสามัญของแชนแนลวี ไทยแลนด์ มิวสิก ในสัดส่วนร้อยละ 25 จำนวน 16.65 ล้านบาท

จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2551 มีการปรับโครงสร้างธุรกิจและองค์กรขนาดใหญ่อีกครั้ง โดยเพิกถอน บมจ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย ออกจากตลาดหลักทรัพย์ และให้ บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เข้าถือหุ้นทั้งหมด เพื่อควบรวมกิจการ โดยให้ บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นบริษัทแม่ของกลุ่ม ส่งผลให้มีรายได้กำไรสุทธิในปีนั้น เป็นจำนวน 7,834 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดอีกครั้งนับแต่ก่อตั้ง

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2552 กลุ่มบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ร่วมถือหุ้นกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในสัดส่วน 50% ผ่านบริษัทแฟมมิลี่ โนฮาว จำกัด[15] โดย บมจ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จัดตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียมขึ้นจำนวน 4 ช่องสัญญาณ ด้วยเงินลงทุนจำนวน 500 ล้านบาท เพื่อนำเสนอในรูปแบบสถานีโทรทัศน์บันเทิง ซึ่งใช้เวลาออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง

ในปี พ.ศ. 2553 จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีรายได้รวมสูงสุดกว่า 8,863 ล้านบาท ในปีเดียวกัน ได้เข้าร่วมลงทุนในบริษัท แอ็กซ์ สตูดิโอ จำกัด และ บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมเพื่อดำเนินการก่อสร้างสตูดิโอขนาดใหญ่ โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนจำนวน 200 ล้านบาท และในปีเดียวกัน เข้าร่วมลงทุนในบริษัท ลักษ์ แซทเทิลไลท์ จำกัด เพื่อผลิตรายการโทรทัศน์ออกอากาศผ่านดาวเทียม โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนจำนวน 20 ล้านบาท

ในปี พ.ศ. 2554 ได้เข้าร่วมทุนกับบริษัท ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮมช้อปปิ้งอันดับ 1 ของสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อประกอบธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด 540 ล้านบาท

และในปี พ.ศ. 2555 เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด 100 ล้านบาท และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด ได้ลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม บี จำกัด เพื่อให้บริการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมแบบเสียค่ารับชม (เพย์ ทีวี) โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1 ล้านบาท

พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน

ในปี พ.ศ. 2556 ในเดือนมีนาคม จีเอ็มเอ็ม ไท หับ นำภาพยนตร์เรื่อง พี่มาก..พระโขนง ออกสู่สายตาประชาชนและทำรายได้ Box Office สูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยที่ 567 ล้านบาท

เดือนพฤษภาคม ในปีเดียวกัน จีเอ็มเอ็ม ไท หับเปิดตัวซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น จำนวนทั้งหมด 13 ตอน ออกฉายผ่านทางช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม จีเอ็มเอ็มวัน และผ่านช่องทางยูทูบ ซึ่งได้กลายเป็นซีรีส์ยอดนิยมระดับประเทศ สามารถทำยอดผู้ชมในยูทูบได้กว่า 80 ล้านผู้ชม

เดือนกันยายน ในปีเดียวกันทางบริษัทเพิ่มทุนเพื่อนำไปลงทุนใน Strategic Investment ด้วยอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ในราคาหุ้นละ 10 บาท จำนวน 106,052,989 หุ้น ส่งผลให้สามารถระดมเงินทุนคิดเป็นจำนวน 1 พันล้านบาท จำนวนหุ้นจดทะเบียนรวมทั้งหมด 636,317,936 หุ้น จำนวน 636,317,936 บาท และเดือนธันวาคม ปีเดียวกัน เข้าร่วมการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติและชนะการประมูล 2 ช่องได้แก่ช่องทั่วไปความคมชัดสูง (วาไรตี้เอชดี) และช่องทั่วไปความคมชัดมาตรฐาน (วาไรตี้เอสดี)

เดือนธันวาคม ในปีเดียวกันทางบริษัทได้เข้าร่วมการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ และชนะการประมูล 2 ช่องได้แก่ ช่องทั่วไปความ คมชัดสูง (วาไรตี้ เอชดี) และช่องทั่วไปความคมชัดมาตรฐาน (วาไรตี้ เอสดี)

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ช่องยูทูบของแกรมมี่สามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นช่องแรกในประเทศไทยและช่องแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำลายสถิติมีผู้ติดตามมากกว่า 10,000,000 คน[16]

ใกล้เคียง

จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จีเอ็มเอ็มทีวี จีเอ็มเอ็ม 25 จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จีเอ็นซีโฟร์ตีเอต จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จีเอ็มเอ็ม พิคเจอร์ จีเอ็มเอเน็ตเวิร์ค จีเอ็มเอ็มทีวี เรคคอร์ด จีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี

แหล่งที่มา

WikiPedia: จีเอ็มเอ็ม_แกรมมี่ http://www.dek-d.com/board/view/1479648/ http://www.dek-d.com/board/view/3174224/ http://cabal.exteen.com/20071019/gmm-grammy-1 http://music.gmember.com/%E0%B8%98%E0%B8%87%E0%B9%... http://music.gmember.com/%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%... http://music.gmember.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%... http://music.gmember.com/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%... http://www.gmember.com http://www.gmm-tv.com http://www.gmmchannel.com/aboutus