ในช่วงต้น ของ ฉีหฺวันกง

เขาเป็นบุตรของเจ๋ฮูก๋ง (ฉบับจีนเป็น ฉีซีกง) และได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่กับเปาซกแหย เมื่อทั้งก๋งจูหยี (ฉบับจีนเป็น ฉีเซียงกง) ผู้เป็นพี่ชายคนโต และ ก๋งจูบอดี (ฉบับจีนเป็น กงซุนอู๋จื่อ) ได้ถูกลอบสังหารเสียชีวิตทั้งสองคน ทำให้เขาต้องทำศึกชิงบัลลังก์กับก๋งจูกิว (ฉบับจีนเป็น กงจื๋อจิ่ว) ซึ่งเป็นพี่ชายคนรอง ในการนั้น เขาถูกกวนต๋งลอบยิงธนูใส่ แต่โชคดีที่ลูกธนูไปถูกหัวเข็มขัด เขาจึงรอดตายมาได้และได้รับชัยชนะเหนือก๋งจูกิว ก๋งจูกิวกับกวนต๋งต้องหนีไปพึ่งพิงฬ่อจงก๋ง (ฉบับจีนเป็น หลู่จวงกง) เมื่อเขาได้เป็นผู้นำแล้ว ก็ส่งจดหมายให้ฬ่อจงก๋งส่งศีรษะของก๋งจูกิวกับกวนต๋ง ฝ่ายฬ่อจงก๋งก็สั่งประหารก๋งจูกิว แต่ให้จับเป็นกวนต๋ง เนื่องด้วยเห็นว่ากวนต๋งมีสติปัญญาที่หลักแหลม

หลังการมอบรางวัลแก่เหล่าทหารที่ช่วยทำศึกชนะก๋งจูกิว ก็คิดใคร่จะแต่งตั้งเปาซกแหยเป็นสมุหนายก แต่เปาซกแหยได้เสนอให้มอบตำแหน่งแก่กวนต๋งและแนะนำให้ละทิ้งความแค้นส่วนตัวกับกวนต๋งเสีย เจ๋ฮวนก๋งจึงยอมทำตามคำแนะนำของเปาซกแหยและเรียกตัวกวนต๋งมาปรึกษาเรื่องราชการบ้านเมือง กวนต๋งก็ได้ชี้แจงแนวคิดในการครองบ้านเมืองรวมถึงหลักคุณธรรมนิยมให้แก่เจ๋ฮวนก๋ง เจ๋ฮวนก๋งก็ยินดีรับฟังและแต่งตั้งให้กวนต๋งเป็นสมุหนายก[1]