หายนะแห่งแชกไก ของ ชาน

ดาวแชกไกนั้นได้พินาศไปเมื่อดวงดาวลึกลับได้ปรากฏบนท้องฟ้าและเคลื่อนเข้าใกล้แชกไกเรื่อยๆ ก่อนจะเปล่งแสงสีแดงซึ่งทำให้แชกไกถูกทำลายไป เหล่าชานส่วนใหญ่ก็ได้ตายไปในคราวนั้น มีเพียงส่วนน้อยซึ่งใช้ระบบเทเลพอร์ทในวิหารอซาธอทที่หนีจากความพินาศของแชกไกไปได้ เชื่อว่าดาวที่ทำลายแชกไกนั้นน่าจะเป็นกรอธ[2]ซึ่งได้ทำให้เกรทโอลด์วัน หนอนผู้กัดกินในยามราตรี ซึ่งหลับใหลในแชกไกตื่นขึ้น[3]

เหล่าชานที่รอดไปได้นั้นได้ใช้ระบบเทเลพอร์ทของวิหารเร่ร่อนไปยังดาวอื่นๆคือ ไซโคลทล์ (อังกฤษ: Xiclotl) และ ธุกกอน (อังกฤษ: Thuggon) แต่ก็พบกับสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวจนต้องหนีไปอีก จนกระทั่งมาถึง ลกิฮักซ์ (อังกฤษ: L'gy'hx) (ดาวยูเรนัส) ซึ่งเหล่าชานได้พบกับสิ่งมีชีวิตซึ่งมีลักษณะคล้ายกับลูกบาศก์โลหะที่มีขาจำนวนมาก ชนพื้นเมืองของยูเรนัสได้ยอมให้ชานสร้างนิคมของตนได้และเมื่อเวลาผ่านไปสองร้อยปีก็ได้ยอมรับชานเป็นเผ่าพันธุ์ที่ร่วมปกครองดวงดาว ชนพื้นเมืองนี้นับถือเทพ ลรอกก์ (อังกฤษ: L'rog'g) (เชื่อว่าเป็นหนึ่งในร่างอวตารของไนอาลาโธเทป) ซึ่งชานเป็นจำนวนมากก็ได้เปลี่ยนศาสนามานับถือลรอกก์เช่นกัน แต่เมื่อมีชนพื้นเมืองเปลี่ยนมานับถืออซาธอทบ้างก็ได้เกิดการต่อต้านจากผู้นับถือลรอกก์ จนในที่สุดเหล่าชานที่ยังนับถืออซาธอทก็ถูกขับไล่ไปจากยูเรนัส ระบบเทเลพอร์ทของวิหารได้พาชานมายังดาวเคราะห์โลก ที่หุบเซเวิร์น ในอังกฤษช่วงสมัยกลาง[4] ชานได้พยายามเผยแพร่ศาสนาอซาธอท แต่ก็ถูกกวาดล้างในช่วงของสมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 13 โดยบทละคร Massa di Requiem per Shuggay ซึ่งเป็นเรื่องราวของดาวแชกไกและการเดินทางของชานนั้นถูกสั่งเป็นข้อเขียนต้องห้าม[5] เนื่องจากบรรยากาศของโลกนั้นทำให้ระบบเทเลพอร์ทของวิหารขัดข้อง ชานที่อยู่บนโลกจึงไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก