ชาวกาวเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ไทย โดยเป็นคำที่ใช่เรียกเผ่าไทที่อยู่ในเมือง
แพร่และเมือง
น่าน มีปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรในศิลาจารึกปู่หลานสบถกัน พ.ศ. 1935 เรียกบรรพบุรุษของกษัตริย์แพร่และน่านว่า
ด้ำพงศ์กาว เมืองแพร่และเมืองน่านถูกผนวกรวมเข้ากับ
อาณาจักรสุโขทัยในสมัย
พญาลิไท และเคยยกทัพมาช่วยสุโขทัยรบกับพระนครศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 1919 และมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับกษัตริย์สุโขทัย ดังที่ปรากฏใน
พงศาวดารน่านว่าเมื่อเกิดปัญหาแย่งชิงอำนาจภายในเมือง ฝ่ายแพ้จะหนีลงมาพึ่งพระยาเชลียง เจ้าเมืองสุโขทัยเมื่อ
เจ้าศรีจันทะ ถูกพระยาเมืองแพร่ฆ่าตายเมื่อ พ.ศ. 1939 เจ้าหุงผู้เป็นอนุชามาขอกองทัพ
พระยาเชลียงไปยึดเมืองคืนได้ใน พ.ศ. 1941 ต่อมาใน พ.ศ. 1945
เจ้าอินต๊ะแก่นถูกน้องชายชิงเมือง ก็หนีไปพึงเจ้าเมืองสุโขทัยยกทหารมายึดเมืองคืน จนกระทั่ง พ.ศ. 1991
พระเจ้าติโลกราชยึดเมืองน่านได้ รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ
ล้านนา คำว่า "กาว" จึงหายไปนอกจากจะมีชาวกาวในจังหวัดแพร่และน่านแล้วอาจจะมีใน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ
ประเทศลาวด้วย เพราะเมืองน่านมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ
หลวงพระบางมาตั้งแต่ครั้ง
พระเจ้าฟ้างุ้ม ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เคยมีหัวเมืองลาวกาว ประกอบด้วยเมืองสำคัญ 7 เมืองคือ
อุบลราชธานี นครจำปาศักดิ์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ เมื่อเปลี่ยนการปกครองหัวเมืองเป็นระบอบมณฑลเทศาภิบาล หัวเมืองลาวกาวจึงเป็น
มณฑลลาวกาว ซึ่งตั้งกองบัญชาการมณฑล ณ เมืองอุบลราชธานี โดยมีกรมหลวงพิชิตปรีชากร เป็นผู้สำเร็จราชการมณฑลลาวกาวคนแรก และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น
มณฑลตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อ พ.ศ. 2442 และเป็นมณฑลอีสานเมื่อ พ.ศ. 2443