ช้างแอฟริกา หรือ
ช้างแอฟริกัน (
อังกฤษ: African elephant) เป็น
ช้างสกุลหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ใน
ทวีปแอฟริกา จากหลักฐาน
ฟอสซิลที่ค้นพบทำให้ทราบว่า ช้างแอฟริกาอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกามาตั้งแต่ยุค
ไพลสโตซีนช้างแอฟริกา จัดอยู่ในสกุล Loxodonta (/โล-โซ-ดอน-ตา/; เป็น
ภาษากรีกแปลว่า "ฟันเอียงข้าง"
[2]) ซึ่งปัจจุบันหลงเหลือเพียง 2
ชนิด คือ
[2]ซึ่งแต่เดิมนั้นช้างแอฟริกาถูกจัดให้มีเพียงชนิดเดียว คือ Loxodonta africana และที่เหลือก็เป็น
ชนิดย่อยซึ่งกันและกัน แต่ในปี
ค.ศ. 2001 เริ่มมีนักวิทยาศาสตร์บางคนสังเกตเห็นถึงความแตกต่าง จึงมีการถกเถียงกันเป็นระยะเวลานานนับทศวรรษ จนกระทั่งได้ข้อสรุปในปี
ค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นผลมาจากการศึกษาด้าน
พันธุกรรมดีเอ็นเอ ใน
นิวเคลียสของ
สัตว์ตระกูลช้าง พบว่าเป็นคนละชนิดกันอย่างแน่นอน แต่ก็มีข้อสันนิษฐานว่าทั้ง 2 ชนิดนั้นเดิมเคยเป็นชนิดเดียวกันมาก่อน แต่ได้แยกสายวิวัฒนาการมาตั้งแต่เมื่อ 2.6-5.6 ล้านปีที่แล้วโดยเชื่อว่า มีการถ่ายทอด
ยีนระหว่างประชากรกันได้ แต่เมื่อ
ช้างเอเชียวิวัฒนาการเกิดขึ้นมาและแพร่กระจายพันธุ์ไปทั่วทวีปแอฟริกา แต่ต่อมาก็ได้สูญพันธุ์หมด ประชากรช้างแอฟริกาแท้ ๆ ก็ถูกตัดขาดออกจากกัน
[4]ช้างแอฟริกาโดยรวมแล้ว มีขนาดใหญ่กว่าช้างเอเชียมาก ตัวผู้มีความสูงในขณะยืนประมาณ 3.64 เมตร (12 ฟุต) โดยวัดจากหัวไหล่ และมีน้ำหนักประมาณ 5,455 กิโลกรัม (12,000 ปอนด์) ในขณะที่ตัวเมียมีความสูงในขณะยืนประมาณ 3 เมตร (10 ฟุต) และมีน้ำหนักประมาณ 3,636 ถึง 4,545 กิโลกรัม (8,000 ถึง 10,000 ปอนด์) มีใบหูที่ใหญ่กว่าช้างเอเชีย เพื่อใช้โบกระบายความร้อนออกจาก
เส้นเลือดฝอยที่มีระบบมากมายในแผ่นใบหู รวมทั้งมีงาทั้งตัวผู้และตัวเมีย งาของตัวผู้จะมีความสั้นและหนากว่า ขณะที่งาของตัวเมียจะเรียวยาวและบางกว่า
[5] และจะงอยที่ปลายงวงจะมี 2 จะงอย ต่างกับช้างอินเดียที่มีเพียงจะงอยเดียว และมีหน้าผากที่ลาดกว่า จะงอยปากล่างสั้นและกลมกว่าช้างเอเชียที่แคบและยาวกว่า
[6] แต่โดยเฉลี่ยแล้วมีอายุเพียง 50 ปี ซึ่งน้อยกว่าช้างเอเชีย
[7][8] แม้ช้างแอฟริกาจะมีขนาดร่างกายใหญ่และส่วนหัวใหญ่โตกว่าช้างเอเชียก็ตาม แต่ทว่ากลับมีขนาดของสมองเล็กกว่า
[9]ช้างแอฟริกาอาศัยอยู่ทั้งบนภูเขาและที่ราบต่ำ ทั้งบริเวณที่เป็นแนวหินและป่าทึบ สามารถข้ามลำธาร ว่ายน้ำหรือปืนภูเขาสูงได้ดี ชอบอาบน้ำ คลุกโคลนหรือคลุกดินหรือทราย ชอบใช้งวงพ่นดินหรือทรายไปทั่วตัว ชอบอยู่ในป่าโปร่ง ไม่กลัวแสงแดด มีอุปนิสัยดุร้ายกว่าช้างเอเชีย แต่ปกติจะไม่ทำร้าย
มนุษย์ก่อน เว้นหากได้รับบาดเจ็บ พบกระจายพันธุ์ตั้งแต่ทางตอนใต้ของ
ทะเลทรายสะฮารา หรือในแอฟริกากลาง เช่น แถบ
ทะเลสาบชาด ในสมัยโบราณ
ชาวอียิปต์มีความสามารถในการจับช้าง และชาว
คาร์เธจ เคยใช้เป็น
ช้างศึกใน
สงครามพิวนิค ขณะที่
ชาวโรมันเคยซื้อไปใช้ละเล่นใน
ละครสัตว์ แต่ก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ช้างเอเชียในที่สุด เพราะฉลาดและฝึกได้ง่ายกว่า
[10]