ประวัติ ของ ซัง_เทียนเอ๋อ

ซังเทียนเอ๋อ เข้าเรียนในหลักสูตรการแสดงระยะสั้นของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี รุ่นที่ 12 ซึ่งมีเพื่อนนักแสดงร่วมรุ่นเดียวกัน เช่น หลิวเจียหลิง, อู๋จวินหยู, หลันเจี๋ยอิง, เจิงหัวเชี่ยน, หลิวชิงหวิน, อู๋ฉีหัว และ เถาต้าหวี่ โดยใช้เวลาเรียนจนจบครึ่งปี หลังจากเรียนจบการแสดงเธอก็กลายเป็นนักแสดงทันที โดยในเดือนกุมภาพันธ์ปีพ.ศ. 2526 เธอได้เข้าร่วมแสดงในบทสาวใช้กับหลิวเจียหลิงในละครโทรทัศน์เรื่องแรกในชีวิตการแสดงของเธอ คือเรื่อง มังกรหยก ภาค1 "(Legend of the Condor Heroes 1983)" (เวอร์ชัน หวงเย่อหัว-องเหม่ยหลิง) และเป็นตัวประกอบในผลงานละครสากลเรื่อง เฉือนรักเฉือนคม ซึ่งเป็นผลงานละครในปีเดียวกัน

ถัดมาในปีพ.ศ. 2527 เธอได้เป็นตัวประกอบทั้งในละครเรื่อง ยุทธจักรชิงจ้าวบัลลังค์ (The Foundation 1984) และละครเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร (The Smiling, Proud Wanderer 1984) เวอร์ชันโจวเหวินฟะ ต่อมาเธอได้ขยับขึ้นมาเป็นนางเอกในละครสั้นแนวสากลเรื่อง สายใยรัก (Once Upon an Ordinary Girl 1984) โดยเธอได้มีโอกาสแสดงคู่กับซุปเปอร์สตาร์ อย่าง เลสลี่ จาง ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นผลงานแจ้งเกิดของเธอ ทำให้เธอมีชื่อเสียงขึ้นมาในระดับหนึ่ง ต่อมาผลงานที่ทำให้เธอโด่งดังขึ้นมาเป็นอย่างมาก กับการร่วมแสดงในละครยอดฮิตแห่งปี เรื่อง อุ้ยเสี่ยวป้อ (The Duke of Mount Deer 1984) เวอร์ชันเหลียงเฉาเหว่ย กับการสวมบทบาทเป็น "อาเคอ" ซึ่งเป็นหนึ่งในเมียทั้ง 7 ของอุ้ยเสี่ยวป้อ หลังจากประสบความสำเร็จกับผลงานละครเรื่องนี้ ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงยอดนิยมคนหนึ่งทันที

ในปีพ. ศ. 2528 เธอได้เข้าร่วมแสดงในละครกำลังภายในยอดนิยมชุดเรื่อง เพ็กฮ่วยเกียม จอมดาบงูทอง หรือ ดาบเลือดสะท้านแผ่นดิน (sword stained with royal blood 1985) ซึ่งละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างดี ในเดือนสิงหาคม ผลงานที่เธอร่วมแสดงนำในละครอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มใหญ่แห่งปี เรื่อง 3 ก๊ก ตอน ศึกสองแผ่นดิน (The Battlefield 1985) ซึ่งเธอได้ร่วมแสดงนำกับ สือซิ่ว, อู๋ฉีหัว และ เฉิน อวี้เหลียน อีกทั้งละครชุดเรื่องนี้ยังเป็นละครเรื่องสุดท้ายในชีวิตของดาราชื่อดัง องเหม่ยหลิง ที่ได้ร่วมแสดงอีกด้วย ซึ่งเนื้อเรื่องในละครเรื่องนี้เป็นการบอกถึงจุดสิ้นสุดของราชวงศ์ฉิน ที่พ่ายแพ้ในการสู้รบต่อราชวงศ์ฮั่น และในปีเดียวกันนั้นเธอได้เข้าร่วมแสดงในละครดังแห่งปีเรื่อง ขุนศึกตระกูลหยาง (The Yang's Saga 1985) ซึ่งเป็นละครที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษในวาระครบรอบ 18 ปีของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี

ปีพ.ศ. 2529 ในเดือนมกราคม ผลงานที่เธอได้ร่วมนำแสดงในซีรีส์แนวอภินิหารเรื่อง ศึกอภินิหารเหมาซาน (Brothers Under the Skin 1986) ซึ่งได้เล่นประกบกับ หวงเย่อหัว และเติ้งชุ่ยเหวิน ตามด้วยในเดือนตุลาคม ผลงานที่เธอได้เข้าร่วมแสดงในละครเรื่อง พลังหนุ่มใจเพชร (The Turbulent Decade 1986) และในเดือนธันวาคม กับละครสากลแนวตลกเรื่อง ผมเป็นโสดนะครับ (A Taste of Bachelorhood 1986) ได้ทำการออกอากาศในฮ่องกง

ในปีพ.ศ. 2530 ประเดิมบทบาทที่ร่วมแสดงในละครชุด ฤดูสุขสันต์ (the seasons 1987) ตามด้วยละครสากลแนวชีวิตเรื่อง สุภาพบุรุษเดินดิน (The Making Of A Gentleman 1987) และละครสากลแนวแอ็คชั่น เรื่อง หน่วยฉลามขาว ล่าล้างทรชน (Operation Sharkhunt 1987) ตามด้วยผลงานฟอร์มใหญ่แห่งปี อย่างเรื่อง ตำนานอักษรกระบี่ (The Legend of the Book and the Sword 1987) ที่มีนักแสดงชั้นนำมาร่วมแสดงด้วยกันอย่างมากมาย

ปีพ.ศ. 2531 เธอได้มีโอกาสร่วมแสดงกับ หลี่เหลียงเหว่ย, หวงเย่อหัว, กัวฟู่เฉิง และ หลิวชิงหวิน ในละครฟอร์มใหญ่ยักษ์แห่งปีเรื่อง ศึกน้องพระเยซูสะท้านแผ่นดิน "(Twilight of a Nation 1988)" และผลงานฟอร์มใหญ่อีกเรื่อง คือ ศึกชิงบัลลังก์ (Bing Kuen 1988) ที่ร่วมแสดงกับ หลีหมิง และ เส้า เหม่ยฉี

ปีพ.ศ. 2532 เธอมีผลงานร่วมแสดง ในละครสากลที่ติดท็อป 10 เรตติ้งสูงสุดตลอดกาลของฮ่องกงเรื่อง คู่แค้นสายโลหิต (Looking Back in Anger 1989) ที่เธอสวมบทบาทเป็นทนายสาว ฝงเหม่ยซิน ซึ่งเธอแสดงเป็นตัวละครตัวนี้ออกมาได้ดีเกินคาด ถึงแม้ว่าจะมีบางกระแสจากผู้ชมที่วิจารณ์ในเรื่องน้ำหนักตัวของเธอที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลานั้นก็ตาม

ปีพ.ศ. 2533 เธอร่วมแสดงในละครเรื่อง ตะวันทอแสง (When the Sun Shines 1990) และมีผลงานเด่น ๆ ตามมาคือ เรื่อง ศึกชิงเจ้าปฐพี (Sword Of Defence 1990) และละครตลกดราม่า เรื่องสามี...ขี้จุ๊ (失職丈夫 1990) เป็นต้น

และในปีพ.ศ. 2534 ละครโทรทัศน์เรื่องท้าย ๆ ก่อนที่เธอจะห่างหายไปจากวงการละคร คือเรื่องเรื่องเล่า...คดีเร้นลับ (The Crime File 1991) และละครเรื่อง คุณพ่อ...ยังโสด (未婚爸爸 1991) หลังจากนั้นเธอก็ไม่มีผลงานละครออกมาให้ได้ชมอีกเลย ว่ากันว่าเธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพ

จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2537 เธอกลับมาอีกครั้งกับบทบาทที่เธอได้ร่วมแสดงในละครชุดแนวสากลฟอร์มใหญ่แห่งปี เรื่อง จอมบงการ (Instinct 1994) ที่มีนักแสดงชั้นนำมากมายมาร่วมงานกัน อย่าง เจิ้งเส้าชิว, เจิ้ง อี้เจี้ยน, กั๋วจิ้งอัน,จูเจียง, เฉิน สงหลิง และกัวอ้ายหมิง นำแสดง และตามด้วยผลงานในปีถัดมา คือเรื่อง กามเทพจอมจุ้น (A GOOD MATCH FROM HEAVEN 1995) หลังจากละครเรื่องนี้ เธอได้ย้ายไปอยู่กับทางสถานีโทรทัศน์เอทีวี

ในปีพ.ศ. 2539 เธอมีผลงานดังกับทางค่ายเอทีวีหลายเรื่อง โดยประเดิมเรื่องแรกนั้น เธอได้ร่วมแสดงนำกับอดีตเพื่อนร่วมค่ายทีวีบี ที่ได้ย้ายมาอยู่ค่ายเอทีวี เช่นกันอย่าง เติ้ง ชุ่ยเหวิน กับละครเรื่อง ดรุณีรักนี้ไม่แปรเปลี่ยน (I Have a Date With Spring 1996) ซึ่งเป็นผลงานละครแนวคอมเมดี้ ที่ได้รับความนิยมมากเรื่องหนึ่งของทางค่ายเอทีวี และบทบาทของเธอในละครเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นผลงานที่ถูกจดจำมากที่สุดเรื่องหนึ่งของเธอ ตามด้วยละครฟอร์มใหญ่เรื่อง แผ่นดินรัก แผ่นดินเลือด (the good old days 1996) ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ต่อด่วยละครเรื่อง ท้าผีกัดข้ามศตวรรษ ภาค 2 (Vampire ExpertII 1996) ที่เธอได้เป็นนางเอกเต็มตัวเธอมีผลงานกับทางสถานีโทรทัศน์เอทีวี จนถึงปีพ.ศ. 2546 เธอได้ย้ายกลับไปอยู่ค่ายทีวีบี อย่างเดิม

ปีพ.ศ. 2547 เธอได้กลับมาร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี อีกครั้ง โดยประเดิมบทบาทเด่นในละครเรื่อง ปมมรณะข้ามภพ (To Get Unstuck In Time 2004) ทำให้เธอได้รับความสนใจอีกครั้ง ตามด้วยละครเรื่อง วอลเล่ย์บอลสื่อรัก (Sunshine Heartbeat 2004) และหมอใจเพชร (The Last Breakthrough 2004) นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้ร่วมแสดงในผลงานเด่น ๆ กับทางค่ายทีวีบีมากมาย มาจนถึงปัจจุบัน