การทดสอบหาบุคคลผู้เป็นซูเปอร์เทสเตอร์ ของ ซูเปอร์เทสเตอร์

ในตอนแรก มีการตรวจหาซูเปอร์เทสเตอร์โดยเทียบระดับความรู้สึกถึงรสของ PROP[4]โดยเทียบกับน้ำเกลือที่เป็นรสอ้างอิงแต่เพราะว่า ซูเปอร์เทสเตอร์มีความรู้สึกที่มีกำลังกว่าคนชิมอาหารระดับกลางและ nontaster การใช้รสอ้างอิงแบบนี้อาจนำไปสู่ การให้ค่ารสชาติที่แตกต่างกันตามสัดส่วนในระหว่างบุคคล (scaling artifact) [11]ดังนั้น หลังจากนั้น จึงได้ใช้เสียง (ที่ไม่ใช่เสียงพูด) เพื่อสร้างระดับการรับรู้อ้างอิงแทนนั่นก็คือ ถ้าคนสองคนให้ค่าระดับความรู้สึกที่เท่า ๆ กันตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางกายภาพที่มีระดับเท่ากัน แต่คนหนึ่งให้ค่าความขมของสารละลาย PROP เป็นสองเท่า ผู้ทดลองก็จะสามารถมีความมั่นใจว่า มีความต่างกันจริง ๆ ไม่ใช่เป็นผลของการที่บุคคลใช้อัตราส่วนที่แตกต่างกัน[ต้องการอ้างอิง]

แต่ว่า งานวิจัยหลายงานก็ไม่ได้ใช้ระดับความรู้สึกอ้างอิงที่ข้ามระบบประสาท และทำการจำแนกบุคคลโดยค่าความขมของสารละลาย PROP[20][21]หรือกระดาษที่อิ่มด้วย PROP[22]นอกจากนั้นแล้ว ยังสามารถทำการวินิจฉัยด้วยตนที่ค่อนข้างจะแม่นยำโดยดูลิ้นแล้วหาจำนวนของปุ่มรูปดอกเห็ด (fungiform papillae) [ต้องการอ้างอิง]และสีอาหารสีน้ำเงินอาจทำงานนี้ให้ง่ายขึ้น (ดูรูป)เนื่องจากว่า มีทั้งซูเปอร์เทสเตอร์และ nontaster ในกลุ่มประชากรโดยปกติ เหมือนกับมีสีของตาและผมที่ต่าง ๆ กัน ไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาหมอเพราะเหตุนั้น

ใกล้เคียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: ซูเปอร์เทสเตอร์ http://www.abc.net.au/radionational/programs/healt... http://books.google.com/books?id=SJYGmkmnPT8C&pg=P... http://www.oregonlive.com/foodday/index.ssf/2011/0... http://cat.inist.fr/?aModele=afficheN&cpsidt=55366... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/10744897 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/10869591 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11259346 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11595676 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15547448 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15687429