เนื้อหา ของ ดาหลัง

เรื่องดาหลังเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ชวา พระราชนิพนธ์นี้เป็นกลอนบทละครมีหน้าพาทย์กำหนดดนตรีประจำบทไว้เสร็จ เนื้อเรื่องดังกล่าวถึงกาลก่อนในชวาประเทศ มีราชธานีอยู่สี่นคร คือกุเรปัน ดาหา กาหลัง สิงหัดส่าหรี กษัตริย์วงศ์เทวดาสี่พี่น้องครองนครละองค์ วงศ์เทวดานี้มีพระอัยกาธิราชเป็นต้นสกุล แต่สิ้นพระชนม์ไปแล้วจนมีฐานะเป็นเทวดา เรียกว่า ปะตาระกาหลา (ภัตตรกาล) และยังเวียนมาคุ้มครองโลก โดยเฉพาะวงศ์วานของท่าน เรื่องดำเนินไปว่าในจำพวกกษัตริย์ทั้งสี่นี้ ท้าวกุเรปันผู้พี่ใหญ่มีพระโอรสด้วยประไหมสุหรี (ปรไมยสวรียา) ซึ่งเป็นตำแหน่งพระอัครมเหสีนั้นก่อน ได้นามว่าอิเหนา ท้าวดาหาผู้รองลงมาในพระวงศ์ก็มีธิดาด้วยประไหมสุหรีดุจกันทรงพระนามว่า บุษบาก้าโละ

ท้าวกุเรปันทรงตุนาหงัน (หมั้น) พระธิดากรุงดาหาประทานแก่อิเหนาผู้เป็นโอรสแต่แรกประสูติมาแต่อิเหนาเมื่อเจริญพระชันษาขึ้น ได้ไปพบหญิงงามชาวไร่ชื่อ เกนบุษบา และหลงรักนางจนไม่ใยดีต่อคู่หมั่น พระบิดาพากเพียรจะให้อิเหนาไปอภิเษกสมรส แต่อิเหนาบิดพริ้วจนพระบิดากริ้วแสนสาหัส ถึงให้ไปลอบฆ่านางเกนบุษบาเสีย อิเหนาเสียพระทัยอย่างที่สุดจนหลบหนีไปจากพระนครพร้อมด้วยรี้พล เดินทางไปโดยไม่มีจุดหมาย และปลอมพระองค์เป็นชาวป่าเรียกนามว่าปันหยี ในการที่ออกเดินทางไปโดยอาการอย่างนี้เรียกว่า มะงุมมะงาหรา และได้ไปประสบเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งทุกข์ทั้งสุข ผ่านบ้านเมืองใดก็ท้าเขารบ รบแล้วก็ชนะ บ้างก็ยอมแพ้ แก่ปันหยียกบุตรธิดาถวายทั้งทรัพย์สมบัติ ไปๆ ก็ไปหลงกลของเจ้าเมืองมะงาดา ซึ่งพาไปเที่ยวเกาะแล้วให้ล่มเรือปันหยี ปันหยีถูกคลื่นซัดไปขึ้นฝั่งด้วยกันกับประสันตา ต้องอยู่อย่างยากจนลำบากโดยการหากินเป็นดาหลัง คือผู้เชิดหนัง ระหว่างนี้พระญาติวงศ์รวมทั้งพระธิดาบุษบาก้าโละก็ออกติดตามหา โดยต่างก็ปลอมองค์เป็นปันจุเหร็จ คือชาวป่าเที่ยวรบราฆ่าฟันไปทุกเมือง จนท้ายสุดเหล่าเจ้านายซึ่งปลอมพระองค์เป็นชาวป่าออกหาซึ่งกันและกันนั้น เผอิญไปพร้อมกันอยู่ที่กรุงกาหลัง และไปได้ความว่าใครเป็นใครที่กรุงนั้น ในที่สุดบรรดาคู่ตุนาหงัน (คู่หมั่น) ก็ได้อภิเษกซึ่งกันและกันโดยแนวที่ถูกต้องทุกประการ[5]