การผลิต ของ ดิอะเมซิ่งเรซ_12

การถ่ายทำและการออกอากาศ

ดิ อะเมซิ่ง เรซ 12 มีการเดินทางคิดเป็นระยะทางทั้งสิ้น 30,000 ไมล์ ซึ่งเป็นระยะทางที่สั้นที่สุดในบรรดาดิ อะเมซิ่ง เรซ ตั้งแต่ ซีซั่นที่ 8 เป็นต้นมา ประเทศใหม่ที่มีการเดินทางไปเยือนได้แก่ ไอร์แลนด์ บูร์กินาฟาโซ ลิทัวเนีย โครเอเชีย และ ไต้หวัน ฤดูกาลนี้ยังเป็นฤดูกาลแรกที่เส้นชัยไม่ได้อยู่ที่แผ่นดินใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา

แรกเริ่มแล้ว ตารางการถ่ายทำฤดูกาลนี้ถูกย่นให้สั้นลงด้วยเหตุผลเพื่อตัดเลกที่ไม่มีการคัดออกทิ้ง (ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ซีซั่นนี้จะเป็นครั้งแรกที่ไม่มีเลกที่ไม่มีการคัดออกเลย)[3] อย่างไรก็ดี ฟิล บอกเคนท์กับวิกซินว่า ในการแข่งขันนี้มีเลกที่ไม่มีการคัดออกอยู่ 2 เลกในการแข่งขัน และบทลงโทษของทีมที่มาเป็นลำดับสุดท้ายในเลกที่ไม่มีการคัดออกก็ได้เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งโดยปกติแล้ว ซีซั่นที่ไม่มีเลกประเภท โปรดติตตามตอนต่อไป หรือ ซุปเปอร์เลก นั้นมีเลกที่ไม่มีการคัดออกอยู่ 4 เลก แต่เนื่องจากในการแข่งขันนี้มีเลกที่ไม่มีการคัดออกเพียง 2 เลก ทำให้จำนวนตอนในการแข่งขันลดลงไป 2 ตอนเช่นกัน

ในซีซั่นนี้ยังมีการใช้เครื่องหมายใหม่ในการแข่งขัน 2 เครื่องหมาย นั่นคือ ย้อนกลับ (U-Turn) และ งานเพิ่มเติม (Speed Bump) โดยคำสั่งย้อนกลับจะอนุญาตให้ทีมที่เลือกใช้สามารถสั่งทีมใดทีมหนึ่งที่ตามหลังมาให้กลับไปทำงานทางแยกอีกทางที่ทีมที่ตามมาไม่ได้เลือกทำ [5]และงานเพิ่มเติมจะทำให้ทีมที่มาถึงสุดท้ายในเลกที่ไม่มีการคัดออกต้องทำงานเพิ่มเติมในเลกต่อไป ในขณะที่ทีมอื่น ๆ ยังคงแข่งตามปกติ ทั้ง U-Turn และ Speed Bump ต่างปรากฏใน 2 เลกใน ดิ อะเมซิ่ง เรซ 12

การคัดเลือกผู้เข้าแข่งขัน

ดิ อะเมซิ่ง เรซ 12 ปิดรับใบสมัครเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2550 การสัมภาษณ์เพื่อคัดตัวรอบรองสุดท้ายมีขึ้นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ถึงเดือน มีนาคม พ.ศ. 2550 และการสัมภาษณ์ในรอบสุดท้ายมีขึ้นในเดือน เมษายน พ.ศ. 2550[6][7]

สำหรับทีมทั้ง 11 ทีมในฤดูกาลนี้มีทั้งคู่แต่งงานบาทหลวง คู่เดธกอธ และคู่พี่/น้องสาว โดยผู้ผลิตรายการ แวนด์ มัสเตอร์ ให้ความเห็นเรื่องนี้ไว้ว่า "จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องที่เราตั้งใจคัดทีมชายหนุ่มออก" จากที่ปกติที่มักจะพบทีมชายหนุ่มในฤดูกาลก่อน ๆ เขายังกล่าวอีกว่า "มันต้องเป็นความบังเอิญอย่างแน่นอน ที่มีผู้เข้าแข่งขัน 15 ใน 22 คนอยู่ใน ลอสแอนเจลิส"[3]

ทีมหลานชายและปู่ (นิโคลัสกับโดนัลด์) ในครั้งนี้เป็นบุตรชายและพ่อเขยของนักร้องชาวอเมริกัน Robbie Fulks[8] แชนนาเป็นเพื่อนสาวที่คบกับพิธีการรายการโทรทัศน์ ไรอัน ซีเครสต์ เป็นระยะ ๆ [9][10] ผู้เข้าแข่งขันบางส่วนยังเคยเข้าเรียนโรงเรียน High School เดียวกันที่ Fountain Valley High School ใน Fountain Valley, แคลิฟอร์เนีย (สเตลล่า, ทีเค,เรเชล และนาธาน)[11] และเคนท์เดิมได้สมัครในรายการเรียลลิตี้โชว์ ทีชื่อ เซอร์ไวเวอร์ มาก่อน[12]

การตลาด

สองวันหลังจากการแข่งขันออกอากาศทางโทรทัศน์ ซีบีเอส ได้สร้างหน้าใหม่เกี่ยวกับ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ลงในเว็บไซต์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่ชื่อ เฟซบุ๊ก ผ่านทางโฆษณาของเฟซบุ๊ก[13] โดยเว็บไซต์นั้นมีสื่อโต้ตอบได้เช่นแผนที่ เกร็ดในการแข่งขัน บันทึกการเดินทางและรางวัล เว็บไซต์นี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่โยงไปถึงโปรแกรม Where I've Been อีกด้วย

หลังการแข่งขัน

เคทกับแพทแต่งงานถูกต้องตามกฎหมาย จากกฎหมายแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันเดียวกันของ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551[14] อย่างไรก็ดีการแต่งงานนี้ยังคงมีผู้ตั้งคำถามอยู่ เพราะการแต่งงานนี้ไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐในเรื่องการแต่งงาน คริสติน่ากับอะซาเรียที่อยู่คนละทีมกันก็เดทกันอยู่ ณ ขณะนี้ [ต้องการอ้างอิง] และเคนท์กับวิกซินก็ได้ไปเป็นโฆษกสำหรับผู้ค้าเสื้อผ้าขายปลีกทางเลือกหลายราย รวมถึงเป็นทนายเพื่อปกป้องสิทธิ์ของเกย์ด้วย[15]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ดิอะเมซิ่งเรซ_12 http://www.allamericanpatriots.com/48736760_media_... http://amazingracewiki.cbs.com/ http://www.cbs.com/primetime/amazing_race/?season=... http://www.cbs.com/primetime/amazing_race_applicat... http://www.cbs.com/primetime/amazing_race_applicat... http://www.thenateandjenspot.citymax.com/ http://www.ebharatgas.com/ebgas/pages/index.jsp http://www.msnbc.msn.com/id/21981110/ http://www.ocregister.com/news/says-erwin-rosales-... http://www.realitynewsonline.com/cgi-bin/ae.pl?mod...