เมนูนำทาง
ตราประทับพระราชลัญจกรของจักรพรรดิจีน ประวัติราชลัญจกรถือเป็นเครื่องหมายแสดงอำนาจอย่างหนึ่งในสังคมจีนที่มีมาช้านาน สันนิษฐานว่ามีพัฒนาการมาจากการแกะสลักตัวหนังสือบนกระดองเต๋าและกระดูกสัตว์ในสมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณ 4,500 ปีก่อน) จากหลักฐานทางโบราณคดีที่มีการขุดค้นพบ มีการใช้ตราประทับมาไม่น้อยกว่าสมัยจ้านกว๋อ (ปลายราชวงศ์โจวประมาณ 2,500 ปีก่อน)[2] กล่าวกันว่าเมื่อฉินฉื่อหฺวังตี้ปราบแคว้นจ้าวสำเร็จก็ได้หยกเหอสื่อปี้ในตำนานมาไว้ในครอบครอง และหลังจากปราบแคว้นทั้งหกจนสำเร็จก็ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิจีน จึงให้หลี่ซือ ขุนนางคนสนิทนำหยกเหอสือปี้ไปแกะเป็นราชลัญจกรรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาว 4 นิ้ว โดยมีข้อความเป็นอักษรจีน 8 ตัวว่า 受命于天,即寿永昌 แปลเป็นไทยได้ว่า รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญนิรันดร[3]
ทั้งนี้ชาวจีนในสัมยโบราณและสมัยปัจจุบันต่างก็เรียกตราประทับว่า อิ้น (印; สำเนียงจีนกลาง) นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันดังต่อไปนี้[4]
ในสมัยโบราณตราประทับจะทำจากหยกหรือหินที่มีค่า ชาวบ้านสามัญชนจึงมีไว้ในครอบครองได้ยาก ส่วนในสมัยถังเริ่มมีการทำตราประทับที่จากโลหะเช่นทอง เงิน สำริด และตราประทับที่ทำจากกระเบื้องเริ่มมีทำขึ้นในราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่ง
โดยทั่วไปตราประทับจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังที่นักวิชาการเรียกว่า ตัวผู้หรือตัวเมีย หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า อินหยาง หรือ หยินหยาง โดยที่ตราประทับ หยาง (阳印) คือตัวหนังสือเป็นสีแดง ส่วนพื้นจะปล่อยเว้นว่างไว้ ส่วนตราประทับ อิน (阴印) คือตราประทับที่พื้นเป็นสีแดง ส่วนที่เป็นตัวหนังสือจะเว้นว่างไว้ และด้วยเหตุที่ตราประทับอินจะมีสีแดงมากจึงมีอีกชื่อว่า จูอิ้น (朱印) หรือ ตราประทับชาด ซึ่งตราประทับในสมัยโบราณที่พบโดยมากจะเป็นตราประทับอิน ส่วนตราประทับในชั้นหลังจะเป็นตราประทับหยางเสียเป็นส่วนใหญ่
ราชลัญจกรที่เหลืออยู่ในปัจจุบันที่ไม่ได้อยู่ในการดูแลของรัฐบาลจีนนั้นคือราชลัญจกรจักรพรรดิเฉียนหลงซึ่งถูกซื้อไปโดยชาวจีนผู้หนึ่ง โดยราชลัญจกรดังกล่าวเป็นราชลัญจกรในสมัยราชวงศ์ชิง[6]
เมนูนำทาง
ตราประทับพระราชลัญจกรของจักรพรรดิจีน ประวัติใกล้เคียง
ตราประจำพระองค์ในประเทศไทย ตราประจำจังหวัดของไทย ตราประทับ ตราประทับของญี่ปุ่น ตราประธานาธิบดีสหรัฐ ตราประทับพระราชลัญจกรของจักรพรรดิจีน ตราประจำจังหวัดหนองคาย ตราประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ตราประทับประจำราชวงศ์ทิพยจักราธิวงศ์ ตราประจำชาติประเทศไทยแหล่งที่มา
WikiPedia: ตราประทับพระราชลัญจกรของจักรพรรดิจีน http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mamiya&mo... http://kitichat.blogspot.com/2013/02/blog-post_995... http://sango.igetweb.com/index.php?lite=article&qi... http://www.thongkasem.com/knowledge.php?kid=50 http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsI... http://oknation.nationtv.tv/blog/horsupawut/2014/1...