ตะพาบฮหว่านเกี๊ยม (
อังกฤษ: Hoàn Kiếm turtle;
เวียดนาม: Rùa Hồ Gươm, Cụ Rùa;
ชื่อวิทยาศาสตร์: Rafetus leloii) ตะพาบขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง พบอาศัยอยู่ใน
ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมหรือทะเลสาบคืนดาบ ใจกลางกรุง
ฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเป็นชนิดที่แยกออกต่างหากหรือเป็น
ชื่อพ้องของ
ตะพาบยักษ์แยงซีเกียง (R. swinhoei) ที่จัดอยู่ใน
สกุลเดียวกัน[1]โดยตะพาบฮหว่านเกี๊ยมซึ่งพบในทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมนั้น ทางนักวิทยาศาสตร์ชาวเวียดนาม
ห่า ดิ่ญ ดึ๊ก และเล เจิ่น บิ่ญ ซึ่งเป็นผู้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้ ยืนยันว่าเป็นคนละชนิดกันกับตะพาบยักษ์แยงซีเกียง โดยชี้ให้เห็นความแตกต่างทางพันธุกรรมเช่นเดียวกับความแตกต่างในลักษณะทางสัณฐานวิทยา แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีคณะนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกที่ได้ศึกษาในเรื่องนี้ในปี ค.ศ. 2003 และ ค.ศ. 2011 ที่ระบุว่าความแตกต่างกันของตะพาบทั้ง 2 ชนิดนั้น อาจเป็นเพราะอายุและลำดับพันธุกรรมที่ใช้ไม่เคยถูกส่งไปศึกษาทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงใน
ธนาคารยีน และวิจารณ์ว่าการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ว่า vietnamensis ของเล เจิ่น บิ่ญ นั้นไม่ถูกต้องตามหลักของ
รหัสสากลของศัพท์ทางด้านสัตววิทยาอีกด้วย
[3] อีกทั้ง
ตัวอย่างของตะพาบดังกล่าวก็หาได้ยากมาก เนื่องจากเป็นตะพาบที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดแล้ว โดยตัวอย่างที่มีชีวิตที่พบได้ในปัจจุบัน ทราบแต่เพียงว่ามีอยู่แค่ 3 ตัวเท่านั้น คือ ในทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม 1 ตัว และอีก 2 ตัวเป็นตะพาบที่เลี้ยงในสวนสัตว์ประเทศจีนเท่านั้น
[4]โดยชื่อวิทยาศาสตร์ leloii นั้น ห่า ดิ่ญ ดึ๊ก ตั้งขึ้นเป็นเกียรติแด่
จักรพรรดิเล เหล่ย วีรบุรุษในตำนานการสร้างชนชาติเวียดนาม ว่า ในช่วง
ศตวรรษที่ 15 พระองค์ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ในการต่อสู้ขับไล่
ชาวหมิงที่มารุกราน ต่อมาพระองค์ได้ประทับเรือล่องในทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม ได้มีตะพาบยักษ์หรือเต่ายักษ์ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมา บอกให้พระองค์ส่งดาบนั้นกลับคืนแด่
จ้าวมังกร ดาบเล่มนั้นก็ได้พุ่งออกจากฝักดาบเข้าไปในปากของตะพาบก่อนที่จะหายกลับลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมจึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า "ทะเลสาบคืนดาบ"
[5]ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2016 ตะพาบฮหว่านเกี๊ยมที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมได้ตายลง โดยมีผู้พบซาก คาดว่ามีอายุราว 80-100 ปี และมีน้ำหนัก 200 กิโลกรัม หลังการตายมีความเชื่อกันว่าอาจเป็นลางร้ายเกิดแก่ประเทศเวียดนาม
[6]