สำหรับ ติ่ง ที่เป็นความหมายสแลงดูที่
ติ่งหูตุ่น หรือ
ติ่ง[1] (
อังกฤษ: Moles) เป็น
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมวงศ์หนึ่ง ใน
อันดับตุ่น (Soricomorpha) ใช้ชื่อวงศ์ว่า Talpidae ซึ่งครั้งหนึ่ง (หรือบางข้อมูล) จะจัดให้ตุ่นอยู่ใน
อันดับสัตว์กินแมลง (Insectivora)
[2]ตุ่น มีลักษณะคล้าย
หนูตะเภาตัวอ้วน ๆ ซึ่งเป็นสัตว์ใน
อันดับสัตว์ฟันแทะ (Rodentia) แต่ทว่าตุ่นมีอันดับแยกออกมาเองต่างหาก ซึ่งใกล้เคียงกับ
หนูผี (Soricidae) มากกว่า มีขนอ่อนนุ่ม สีคล้ำอย่าง
สีเทาหรือ
สีดำ ตลอดทั้งลำตัว ซึ่งขนนี้มีคุณลักษณะพิเศษที่สามารถบิดไปในทิศทางใดก็ได้ แตกต่างจากสัตว์ประเภทอื่น ๆ ส่วนหางสั้นตุ่นอาศัยในโพรงใต้ดินตลอดเวลา จะไม่ขึ้นมาบนพื้นดิน หากไม่จำเป็น ดังนั้นจึงมี
หูและ
ตาเล็กมาก เพราะแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกเก็บซ่อนอยู่ใต้ขน เพื่อป้องกันมิให้ดินเข้าเวลาขุดดิน ในบาง
ชนิดจะมี
หนังพิเศษปิดเหนือตาด้วย ขาคู่หน้าของตุ่นซ่อนอยู่ใต้ขน ซึ่งจะยื่นออกมาแต่ส่วนปลายเป็นข้อมือที่มีเล็บที่แข็งแรง 5 เล็บ ซึ่งใช้ในการขุดโพรงดิน แต่จะใช้เดินบนพื้นดินไม่ได้เลย หากตุ่นขึ้นมาบนดินจะทำได้เพียงแค่คืบคลาน ในโพรงใต้ดินของตุ่น มีทางยาวมาก โดยมักจะขุดให้ลึกไปจากผิวดินราว 3 นิ้วครึ่งถึงครึ่ง
ฟุต เป็นทางยาวขนานไปกับผิวดิน และลึกจากหน้าดินราวหนึ่งฟุตก็มีอีกโพรงหนึ่งเป็นคู่ขนานด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งสองสายนี้เชื่อมไว้ด้วยทางเชื่อมเล็ก ๆ ในแนวตามจุดต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ แต่ในบางจุดอาจมีแนวดิ่งลึกลงไปถึง 4 ฟุต ผนังโพรงราบเรียบสม่ำเสมอกัน ที่ปลายสุดของโพรงจะใช้เป็นที่กลับตัว ซึ่งมี
ความกว้างเพียงขนาดเท่าตัวของตุ่น
ดินที่ขุดขึ้นทำโพรงนั้นจะถูกอัดไปตามผนังโพรงเพื่อให้แน่นและแข็งแรง แต่บางส่วนก็จะถูกดันขึ้นไปเหนือพื้นดิน เห็นเป็นเนิน ๆ ซึ่งเรียกใน
ภาษาไทยว่า "โขย"ตุ่น กินอาหารหลัก คือ
ไส้เดือนดิน และก็สามารถกินอาหารอื่นได้ เช่น
หนอน,
หอยทาก และ
พืชประเภทหัว เช่น มัน หรือ
แห้ว หลายชนิด ในวันหนึ่ง ๆ ตุ่นสามารถที่จะกินอาหารได้เท่ากับ
น้ำหนักตัว จึงเป็นสัตว์ที่ไม่อาจอดอาหารได้นาน ใน
ฤดูแล้งที่อาหารขาดแคลน ตุ่นสามารถจะสะสมอาหารเป็นเสบียงได้ ในโพรงดินส่วนที่เป็นห้องเก็บอาหาร โดยมีรายงานว่า ตุ่นบางตัวเก็บหนอนไว้ในห้องเก็บอาหารนับร้อยตัว โดยที่หัวของหนอนเหล่านี้ถูกกัดจนหัวขาดแล้ว แต่ยังไม่ตาย ไม่อาจจะหนีไปไหนได้ ตามปกติ ตุ่นเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ลำพัง นอกจากในฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งในฤดูผสมพันธุ์
ตัวผู้ต้องต่อสู้แย่งชิง
ตัวเมียเสียก่อน ตัวเมียจะเป็นฝ่ายสร้างรังขนาดเท่าลูก
รักบี้ที่บุด้วย
ใบไม้และ
ฟางหรือกิ่งไม้เล็ก ๆ โดยจะอยู่ลึกจากหน้าดินประมาณ 2 ฟุต หรือตื้นกว่านั้น มีทางแยกออกจากรังหลายทาง เพื่อที่จะเข้าออกได้หลายทาง เพื่อความสะดวกและปลอดภัย ซึ่งรังของตุ่นจะสะอาดสะอ้านอยู่เสมอตุ่นมักจะมีลูกครอกละ 2-7 ตัว ลูกอ่อนที่เกิดใหม่จะยังไม่ลืมตา และขนจะเริ่มงอกเมื่อมีอายุได้สัก 10 วัน และลืมตาในเวลาต่อมา และจะออกจากรังเมื่อมีอายุได้ราว 5
สัปดาห์ มีอายุขัยโดยเฉลี่ยประมาณ 3 ปี ตุ่นกระจายพันธุ์ไปในทุกพื้นที่ทั่วโลก ยกเว้นในเขต
ขั้วโลกและ
โอเชียเนีย สามารถแบ่งออกได้เป็น 17
สกุล และ 3 วงศ์ย่อย (ดูในตาราง)
[3] พบประมาณ 44 ชนิด ซึ่งบางชนิดมีขน
สีทอง บางชนิดมีส่วนหางยาว บางชนิดที่จมูกมีเส้น
ขนเป็นอวัยวะรับสัมผัสเป็นเส้น ๆ 22 เส้น ลักษณะคล้าย
ดาว และมีพฤติกรรมมักอาศัยอยู่บนดินและ
ว่ายน้ำได้เก่งอีกด้วย ขณะที่บางชนิดก็สามารถปีน
ต้นไม้ได้ และอาศัยอยู่เป็นฝูง สำหรับใน
ประเทศไทยพบเพียงชนิดเดียว คือ
ตุ่นโคลส (Euroscaptor klossi)
[4] [5]