ประวัติ ของ ตูร์แน

ในอดีตนั้นตูร์แนเคยถูกเรียกว่า "ตอร์นาคุม" (Tornacum) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆในยุคสมัยโรมันซึ่งเป็นสถานที่พักรถบนถนนโรมันซึ่งเริ่มจากโคโลญน์ไปยังบูลอญ-ซูร์-แมร์ โดยตัดข้ามผ่านแม่น้ำสเกลด์ ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 3 ในรัชสมัยของแม็กซีเมียน ได้มีการสร้างปราการขึ้นเพื่อป้องกันการรุกราน[3] ต่อมาเมื่อโรมันได้ลดเขตแดนลงช่วงถนนโรมันสายนี้ทำให้ตกมาอยู่ในการปกครองของชาวซาเลียนแฟรงก์ในปีค.ศ. 432 ในรัชสมัยของพระเจ้าชิลเดอริคที่ 1 (พระบรมศพนั้นได้ฝังอยู่ที่ตูร์แนในปัจจุบัน)[4] ตูร์แนได้กลายเป็นศูนย์กลางอำนาจและเมืองหลวงของราชอาณาจักรแฟรงก์ ต่อมาในปีค.ศ. 486 พระเจ้าโคลวิสที่ 1ได้ย้ายเมืองหลวงจากตูร์แนไปยังปารีสแทน หลังจากการก่อตั้งเขตมุขมณฑลตูร์แนขึ้นมา อะเลอเทรุส ชาวตูร์แนโดยกำเนิดได้รับเลือกเป็นบิชอปองค์แรก ซึ่งปกครองดินแดนบริเวณกว้างของเขตลุ่มแม่น้ำเชลดท์ฝั่งตะวันตก ต่อมาในปีค.ศ. 862 พระเจ้าชาลส์ ผู้เป็นกษัตริย์พระองค์แรกของราชอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก และยังได้รับเลือกเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ทรงมีพระบัญชาให้ตูร์แนเป็นเมืองศูนย์กลางของเคาน์ตีฟลานเดอร์

ต่อมาในภายหลังจากการแบ่งจักรวรรดิแฟรงค์ตามความตกลงในสนธิสัญญาแวร์เดิงและสนธิสัญญาเมอเซน ทำให้ตูร์แนนั้นตกมาอยู่ในการปกครองของจักรวรรดิฝั่งตะวันตก ซึ่งต่อมาในปีค.ศ. 987 ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 11 ในสมัยรุ่งเรืองของเมืองในกลุ่มประเทศต่ำซึ่งมีอาชีพทอผ้าขนสัตว์ที่ใช้วัตถุดิบขนสัตว์จากอังกฤษ ซึ่งทำให้ได้รับความนิยมโดยพ่อค้าร่ำรวยมาติดต่อค้าขายจำนวนมาก อาสนวิหารแห่งใหม่อันใหญ่โตก็ริเริ่มโครงการขึ้นในสมัยนั้นราวปีค.ศ. 1030 ต่อมาในปีค.ศ. 1187 ชาวเมืองตูร์แนได้รวมตัวกันประกาศอิสรภาพต่อเคานต์ซึ่งปกครองในท้องถิ่นอีกต่อหนึ่ง โดยไปขึ้นตรงกับพระมหากษัตริย์แห่งฝรั่งเศสแทน โดยได้เรียกถึงอาณาเขตนี้ว่า "Seigneurie de Tournaisis" ต่อมาในปีค.ศ. 1290 ได้มีการสร้างปราการทำจากหินพาดผ่านแม่น้ำสเกลท์ โดยมีป้อมขนาบสองฝั่งของแม่น้ำเพื่อใช้ป้องกันภัยรุกรานโดยสร้างแทนที่ของเดิมซึ่งทำจากไม้

ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 ตูร์แนได้รับความนิยมในฐานแหล่งผลิตสำคัญของพรมแขวนผนัง โดยมีจิตรกรเอกหลายคนของยุคสมัยได้มาจากตูร์แน ได้แก่ ฌัค ดาเร, โรแบร์ต แคมแพง และโรเจียร์ ฟาน เดอ เวย์เด็น ต่อมาในปีค.ศ. 1513 ตูร์แนได้พ่ายให้กับกองทัพของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ จำให้ตูร์แนนั้นกลายเป็นเมืองแห่งเดียวในเบลเยียมซึ่งเคยถูกปกครองโดยกษัตริย์อังกฤษ โดยในปีค.ศ. 1515 ยังมีผู้แทนราษฎรจากตูร์แนในรัฐสภาอังกฤษอีกด้วย ต่อมาตูร์แนได้ถูกยกคืนกลับให้แก่ฝรั่งเศสในปีค.ศ. 1519 จากข้อตกลงในสนธิสัญญาลอนดอนปีค.ศ.​ 1518

ในปีค.ศ. 1521 จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ได้รวมตูร์แนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ ซึ่งก็ได้นำพาให้เกิดกลียุคทางศาสนาและความเสื่อมโทรมทางเศรษฐกิจ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 นั้นได้กลายเป็นแหล่งของนิกายโปรเตสแตนท์ลัทธิคาลวิน แต่ต่อมากลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำได้ถูกยึดครองโดยชาวสเปนภายใต้ดยุกแห่งปาร์มาหลังจากการบุกล้อมเมืองครั้งสำคัญในปีค.ศ. 1581 หลังจากที่เมืองได้ถูกยึดแล้วโดยราบคาบ เหล่าชาวเมืองผู้นับถือนิกายโปรเตสแตนท์ได้รับอนุญาตให้ขายสมบัติของตนภายในหนึ่งปีและอพยพไปอยู่ที่อื่น ซึ่งนโยบายนี้ในขณะนั้นถือว่าเป็นวิธีปฏิบัติที่ละมุนละม่อมที่สุด ซึ่งในที่อื่นๆผู้นับถือศาสนาอื่นล้วนถูกฆ่าตายโดยสิ้น

ราวหนึ่งร้อยปีต่อมาในปีค.ศ. 1668 ตูร์แนได้กลับมาอยู่ในการปกครองของฝรั่งเศสอีกครั้งภายใต้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14จากผลพวงของสนธิสัญญาอาเคิน และหลังจากการสิ้นสุดสงครามสืบราชบัลลังก์สเปนในปีค.ศ. 1713 ภายใต้สนธิสัญญายูเทรกต์ให้เนเธอร์แลนด์ของสเปนรวมถึงตูร์แนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิฮับส์บูร์ (ออสเตรีย)

ต่อมาในปีค.ศ. 1815 สืบเนื่องจากสงครามนโปเลียน ตูร์แนได้รวมเข้ากันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และอีกราวสิบห้าปีต่อมาก็ได้ประกาศอิสรภาพเป็นราชอาณาจักรเบลเยียมในปีค.ศ. 1830