เรื่องราวของถึกควายทุย ของ ถึกควายทุย

ถึกควายทุย

เป็นเพลงแรกในชีวิตที่แอ๊ดแต่งขึ้นได้รับอิทธิพลมาจากเพลงของวง Crosby Stills Nash & Young เริ่มต้นจากมะโหนก หนุ่มชาวนาที่มีผืนนาเป็นของตัวเอง สมบัติส่วนตัวของเขามีเพียงผืนนาผืนนี้ที่เป็นมรดกของบรรพบุรุษกับควายเฒ่าที่เป็นเสมือนเพื่อนรักที่ชื่อถึก มะโหนกและควายถึกได้ทำนาบนผืนนาที่นี้มาตลอด จนวันหนึ่งมีนายทุนผู้ร่ำรวยคนหนึ่งชื่อ หนืด มาถามขอซื้อที่ผืนนาของมะโหนก แต่เขาไม่ขาย หนืดเลยคิดวางแผนกลั่นแกล้งมะโหนกด้วยการวางยาเบื่อฆ่าควายถึกจนมันตายในที่สุด มะโหนกโศกเศร้าเสียใจมากกับการจากไปของควายถึก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือ แต่ก็มิอาจกระทำอะไรได้

ถึกควายทุย ภาค 2

พูดถึงสองสหายรักต่างสายพันธุ์อย่างนกเอี้ยง และถึกควายทุย ควายถึกมันก้าวไถทำนา ส่วนนกเอี้ยงก็เกาะจิกกินแมลงบนหลังควายถึก ต่างคนต่างพึ่งอาศัยกันไป จนวันหนึ่งเจ้าถึกควายทุยได้ตายจากไป นกเอี้ยงนั้นจำต้องบินหาควายตัวอื่นให้เกาะต่อไป

ถึกควายทุย ภาค 3

พูดถึงการแก่งแย่งชิงดีของคนเรา ผู้คนที่มีจำนวนมากขึ้น ในขณะที่ฝูงนกและควายมีจำนวนลดลง ความเปลี่ยนแปลงการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เข้ามาแทนที่วิถีชีวิตบ้านนา เป็นสิ่งที่แสดงถึงความอนิจจัง ความไม่เที่ยง ไม่แน่นอน

ขี้เมาใจดี (ถึกควายทุย ภาค 4)

มะโหนกเดินทางเข้ามายังเมืองกรุง วันหนึ่งเขากินเหล้าเมามายเป็นอย่างมากแล้วมุ่งเข้ามายังสวนสัตว์เขาดิน มะโหนกจ่ายเงินค่าผ่านประตู ส่วนเงินที่เหลือเขาก็ไปซื้อเหล้า เดินเที่ยวรอบสวนสัตว์แล้วกินเหล้าไปด้วย มะโหนกผ่านมาเจอกับฝูงชะนีลิงค่างที่ถูกขังอยู่ในกรงเลี้ยง เขาไม่มีเพื่อนกินเหล้าจึงป้อนเหล้าให้ฝูงลิงกินด้วยความรักและเมตตา จนฝูงลิงนั้นเมากลิ้งโซเซไม่เป็นท่า จากนั้นมะโหนกก็เจอเข้ากับช้างพลายที่ถูกมัดล่ามโซ่อยู่ เขาก็ป้อนเหล้าให้ช้างกินทั้งกลม จนช้างเมาเหล้าไปอีก จนสุดท้ายมะโหนกถูกพนักงานสวนสัตว์เขาดินจับตัวไปส่งโรงพักจำคุกในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ แต่มะโหนกยังนึกเห็นใจฝูงสัตว์พวกนั้นที่ถูกขังลืม ทั้งๆที่มันไม่ได้โดนข้อหาอะไร เพลงนี้จึงแสดงให้เห็นว่ามนุษย์บางคนที่ไม่เห็นใจสัตว์ จับมันมาขังในกรงให้คนชม หวังผลประโยชน์จากสัตว์เหล่านั้น ผิดกับมะโหนกที่มีรักและเมตตาสัตว์หาอะไรให้มันกิน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

บัวลอย (ถึกควายทุย ภาค 5)

เพลงถึกควายทุยภาคนี้เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงมากที่สุด และเป็นเพลงดังเพลงหนึ่งของวงคาราบาว ที่ทุกคอนเสิร์ตคาราบาวต้องเล่นเพลงนี้ทุกครั้ง พูดถึงเพื่อนของมะโหนกที่ชื่อบัวลอย เขาเป็นชายรูปร่างหน้าตาไม่ดี ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่มีจิตใจที่งดงามผิดกับหน้าตา มีน้ำใจต่อเพื่อนฝูงเสมอตลอดมา โดยที่ไม่คำนึงถึงความสุขของตน จนเมื่อบัวลอยถูกเกณฑ์เป็นทหารไปรบ แต่โชคชะตาดันไม่เข้าข้างเขา บัวลอยได้เสียชีวิตในสนามรบ โดยก่อนตายบัวลอยยังพูดเป็นห่วงเพื่อนอยู่เสมอว่ามีใครเป็นอะไร เพื่อนพี่น้องรักใคร่ที่ทราบข่าว ต่างเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมากกับการจากไปของบัวลอย เพลงนี้แสดงให้เห็นว่ามนุษย์บนโลกยังมีความเห็นแก่ตัว ชอบเอาผลประโยชน์ส่วนตน แต่โลกนี้จะมีมนุษย์อีกสักกี่คนที่จะเป็นอย่างบัวลอย

มะโหนก (ถึกควายทุย ภาค 6)

เป็นเรื่องราวต่อจากถึกควายทุยภาคแรก หลังจากที่มะโหนกต้องสูญเสียผืนนาและเจ้าถึกควายทุย จนต้องเดินทางเข้ามายังเมืองกรุง มะโหนกยังรำพึงรำพันถึงบัวลอย เพื่อนของเขาที่จากไป ถึงคุณงามความดีของเขา จนมะโหนกตัดสินใจเข้ารับใช้ชาติทหารแทนบัวลอย เป็นพลทหารม้า สังกัดกองพันทหารม้าที่ ๔ เขาปฏิบัติทำหน้าที่ทหารอย่างเข้มแข็ง และมีจิตใจที่ดีตามอย่างบัวลอย คอยช่วยเหลือเพื่อนทหารที่เดือดร้อน อุทิศตนเพื่อชาติ รับใช้ประชาชน ถึกควายถุยภาคนี้มีที่มาและความเกี่ยวโยงจากเหตุการณ์กบฏทหารนอกราชการ หรือที่รู้จักในชื่อ กบฏ 9 กันยา เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2528 ดังจะเห็นได้จากในเนื้อเพลงที่มีคำว่า "โหนกตัดสินใจ รับใช้ชาติประชา มาเป็นทหารม้า สังกัด ม.พันสี่" ซึ่งโหนก หรือมะโหนกนั้นได้ล้อชื่อมาจากหัวหน้าฝ่ายปฏิวัติก็คือพันเอกมนูญ รูปขจร และในท้ายเพลงนี้ได้แทรกเสียงปืนใหญ่และเสียงผู้ชมที่แตกตื่นในคอนเสิร์ตที่คาราบาวไปเล่นให้กับฝ่ายปฏิวัติในสวนอัมพร

ถึกควายทุย ภาค 7

หลังจากที่มะโหนกรับใช้ชาติทหารแล้ว เขายังนึกถึงที่นาและควายถึกของเขา มะโหนกคิดคับแค้นใจต่อนายหนืดที่โกงที่นาของเขาและซ้ำยังฆ่าเจ้าควายถึกตายอย่างไร้ความปรานี ในขณะเดียวกัน นายหนืดมีอิทธิพลอำนาจบารมีท่วมท้น เงินทองมากมายซื้อได้ทุกสิ่งทุกอย่าง มีบริวาร ผู้คนนับถือเลื่อมใสมากมาย จนได้รับเลือกให้ไปเป็นถึงรัฐมนตรี โดยไม่ทราบถึงที่มาอันโหดร้ายของเขา มะโหนกแค้นนายหนืดเป็นอย่างมาก จนที่สุดมะโหนกจึงตักสินใจลอบสังหารนายหนืดจนได้รับบาดเจ็บปางตาย แต่ข่าวในโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ดันลงข่าวการลอบยิงนายหนืดว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องชู้สาวเพียงเท่านั้น เพลงนี้จึงสื่อให้เห็นถึงอิทธิพลของเงินและอำนาจของคนใหญ่คนโตที่กระทำกับชาวบ้านคนผู้น้อย ซึ่งยังคงมีในสังคมไทย

ถึกควายทุย ภาค 8

หลังจากมะโหนกลอบยิงนายหนืด นายทุนเก่าที่ได้เป็นรัฐมนตรี เขากลัวความผิดที่ได้ทำลงไปจึงตัดสินใจหนีการจับกุมไปเข้าป่า แต่เขายังมีจิตใจที่มีคุณธรรม อุทิศตนเพื่อชาวบ้านตาสีตาสาต่อไป ถึงแม้จะเป็นคนบ้านนอกที่หนีความผิดก็ตาม

ถึกควายทุย ภาค 9

พูดถึงชีวิตคนเรา เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เกิดมาแล้วล้วนต้องแตกดับสลายกันไปเป็นธรรมดา จะคงอยู่ก็เพียงแค่ชื่อ ไม่มีใครที่จะพ้นวัฏจักรของชีวิตได้ และยกย่องมะโหนกคือนักสู้ผู้ริเริ่มจากสองมือเปล่า ถึกควายทุยภาคนี้ ถือเป็นตอนจบของถึกควายทุยที่เป็นเรื่องราวของมะโหนก

ค.เขาเดียว (ถึกควายทุย ภาค 10)

พูดถึงวิถีชีวิตของชาวนาไทย และความรักของคู่รักชายหนุ่มและหญิงสาวชาวนาต่างจังหวัด ที่รอคอยวันที่จะได้พบกัน

บัวผัน (ถึกควายทุยภาคพิเศษ)

เป็นเรื่องราวการพร่ำรำพันของบัวผัน ภรรยาของบัวลอย ที่เล่าถึงความยากลำบากในการเลี้ยงลูกตามสมัยนิยม ซึ่งเด็ก ๆ มักทำตัวตามกระแสโลกาภิวัฒน์ โดยไม่สนใจความถูกผิดชั่วดี