ทางออกสองรัฐของ
ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์คำนึงถึงรัฐเอกราชสองรัฐ คือ
รัฐปาเลสไตน์คู่กับ
รัฐอิสราเอล ทางทิศตะวันตกของ
แม่น้ำจอร์แดน ทั้งนี้ เขตแดนระหว่างสองรัฐยังเป็นหัวข้อพิพาทและเจรจากันอยู่ โดยผู้นำปาเลสไตน์และอาหรับยืนกราน "เขตแดน ค.ศ. 1967" ซึ่งอิสราเอลไม่ยอมรับ ดินแดนของอดีต
ปาเลสไตน์ในอาณัติ (รวมทั้งนคร
เยรูซาเล็ม) ซึ่งมิได้ประกอบขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์จะเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอลต่อไปใน ค.ศ. 1947 สหประชาชาติเสนอแผนแบ่งปาเลสไตน์ซึ่งยิวยอมรับ แต่ฝ่ายอาหรับปฏิเสธการแบ่งดินแดนและไม่ยอมให้ยิวอยู่ในพื้นที่ เกิด
สงครามระหว่าง ค.ศ. 1947–49 ซึ่งยุติลงด้วยการหยุดยิงและปัญหาผู้ลี้ภัยมาจนถึงปัจจุบัน
[1] ใน ค.ศ. 1974 ข้อมติสหประชาชาติว่าด้วย "การระงับปัญหาอย่างสันติซึ่งปัญหาปาเลสไตน์" เรียกร้องให้มีรัฐสองรัฐคู่กันโดยมีเขตแดนที่ปลอดภัยและรับรอง ร่วมกันกับ "ข้อมติอย่างยุติธรรมของปัญหาผู้ลี้ภัยโดยสอดคล้องกับข้อมติยูเอ็นที่ 194"
[2][3][4] เขตแดนของรัฐปาเลสไตน์จะ "ยึดเขตแดนก่อน ค.ศ. 1967" สำหรับข้อมติล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2013 ซึ่งผ่านด้วยคะแนนเสียง 165 ต่อ 6
[5] โดยอิสราเอลและสหรัฐออกเสียงคัดค้าน
[6]ผู้นำปาเลสไตน์น้อมรับมโนทัศน์ดังกล่าวตั้งแต่การประชุมสุดยอดอาหรับ ค.ศ. 1982 ในเฟซ
[7] ส่วนอิสราเอลมองท่าทีดังกล่าวที่ต้องการแสวงหาการรับรองรัฐปาเลสไตน์จากต่างประเทศว่าเป็นการกระทำฝ่ายเดียว และไม่สอดคล้องกับทางออกสองรัฐที่มีการเจรจากัน มีความพยายามในการทำให้ทางออกสองรัฐดังกล่าวเป็นจริงขึ้นมาหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่การประชุมมาดริด ค.ศ. 1991 ตามด้วยข้อตกลงกรุงออสโล ค.ศ. 1993 และการประชุมสุดยอดแคมป์เดวิด ค.ศ. 2000 ที่ล้มเหลว ตามด้วยการเจรจาตาบาในต้น ค.ศ. 2001 ใน ค.ศ. 2002
สันนิบาตอาหรับเสนอข้อริเริ่มสันติภาพอาหรับ และข้อริเริ่มล่าสุดได้แก่การเจรจาสันติภาพ ค.ศ. 2013–14มีรายงานใน ค.ศ. 2009 ว่า แม้ผลสำรวจยังแสดงออกมาอยู่เรื่อย ๆ ว่าอิสราเอลและปาเลสไตน์ส่วนใหญ่เห็นชอบกับทางออกสองรัฐที่มีการเจรจา แต่มี "การตื่นขึ้นจากภาพลวงเพิ่มขึ้น" กับทางออกดังกล่าว
[8]