การปฏิบัติตนจากทุพภิกขภัย ของ ทุพภิกขภัย

การป้องกันการเกิดทุพภิกขภัย

ความพยายามจะนำเทคนิคเกษตรกรรมสมัยใหม่มาใช้พบในโลกตะวันตก อย่างเช่น ปุ๋ยไนโตรเจนและสารกำจัดศัตรูพืช ไปจนถึงเอเชีย เรียกว่า การปฏิวัติสีเขียว ทำให้ลดภาวะทุพโภชนาการลงค้ลายกับที่พบก่อนหน้านี้ในชาติตะวันตก ซึ่งเป็นไปได้เพราะสาธารูปโภคและสถาบันที่มีอยู่แล้วขาดแคลนในแอฟริกา อย่างเช่น เครือข่ายถนนและบริษัทเมล็ดพันธุ์มหาชน ที่สามารถจัดหาเมล็ดพันธุ์ไปปลูกได้[43] การสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่ไม่มีความมั่นคงด้านอาหาร ผ่านมาตรการเช่น การให้ปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ฟรีหรือสงเคราะห์ ช่วยเพิ่มผลผลิตอาหารและลดราคาอาหาร[6][44]

ธนาคารโลกและประเทศร่ำรวยบางประเทศกดดันชาติที่พึ่งพาความช่วยเหลือจากพวกตนให้ตัดทอนหรือกำจัดปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่ได้รับการอนุเคราะห์ อย่างเช่น ปุ๋ย เพื่อการเพิ่มบทบาทของเอกชน แม้สหรัฐอเมริกาและยุโรปจะให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรของตนอย่างกว้างขวางก็ตาม[6][45] ชาวนาจำนวนมากยากจนเกินกว่าจะซื้อปุ๋ยตามราคาตลาดได้[6] ตัวอย่างเช่น ในกรณีของมาลาวี ประชากรเกือบห้าล้านคนจากทั้งหมด 13 ล้านคนเคยต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารอย่างฉุกเฉิน อย่าไงรก็ตาม หลังรัฐบาลเปลี่ยนนโยบายและริเริ่มการจัดหาปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์แก่เกษตรกร เกษตรกรก็สามารถทำผลผลิตข้าวโพดทำลายสถิติใน ค.ศ. 2006 และ 2007 โดยผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 ล้านตันใน ค.ศ. 2007 จาก 1.2 ล้านตันใน ค.ศ. 2005[6] นี่ลดราคาอาหารและเพิ่มค่าจ้างของผู้ทำงานในไร่นา[6] มาลาวีกลายมาเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ และขายข้าวโพดให้แก่โครงการอาหารโลกและสหประชาชาติมากกว่าประเทศอื่นใดในแอฟริกาใต้[6] ผู้เสนอความช่วยเหลือแก่เกษตรกรรวมไปถึงเจฟฟรี แซ็คส์ ผู้เป็นตัวแทนของแนวคิดที่ว่า ประเทศร่ำรวยควรลงทุนซื้อปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ให้แก่เกษตรกรแอฟริกา[6]

การบรรเทาทุพภิกขภัย

ภาวะขาดสารอาหารรองสามารถแก้ไขได้โดยการให้สารเสริมอาหาร[46] สารเสริมอาหาร อย่างเช่น เนยถั่วและสไปรูไลนา ได้ปฏิวัติการให้อาหารฉุกเฉินในวิกฤตการณ์ทางมนุษยธรรม เพราะมันสามารถรับประทานได้ทันทีจากห่อบรรจุ และไม่จำเป็นต้องใช้ตู้เย็นหรือผสมกับน้ำสะอาดที่มีน้อยอยู่แล้ว สามารถเก็บได้หลายปี และที่สำคัญคือ ร่างกายของเด็กที่ป่วยหนักยังสามารถดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้[1] การประชุมอาหารโลกของสหประชาชาติ ค.ศ. 1974 ประกาศว่าสไปรูไลนาเป็น "อาหารที่ดีที่สุดสำหรับอนาคต" และความพร้อมที่จะถูกเก็บเกี่ยวได้ทุก 24 ชั่วโมง ทำให้มันเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำจัดทุพโภชนาการ นอกจากนั้น ยังมีการให้อาหารเสริม อย่างเช่น แคปซูลวิตามินเอหรือเม็ดสังกะสีในการรักษาอาการท้องร่วง[2]

กลุ่มช่วยเหลือตระหนักมากขึ้นว่าการให้เงินสดหรือคูปองเงินสดแทนที่จะเป็นอาหารนั้นถูกกว่า รวดเร็วกว่าและเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพกว่าในการส่งความช่วยเหลือแก่ผู้หิวโหย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีอาหารแต่ราคาแพง[3] โครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ ผู้แจกจ่ายอาหารที่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐที่ใหญ่ที่สุด ประกาศว่าจะเริ่มแจกจ่ายเงินสดและคูปองแทนที่อาหารในบางพื้นที่ ซึ่งประธานกรรมการบริหารของโครงการอธิบายว่าเป็น "การปฏิวัติ" ในการช่วยเหลือด้านอาหาร[3][4] องค์การช่วยเหลือ คอนเซิร์นเวิลด์ไวด์ กำลังนำร่องวิธีการดังกล่าวผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซาฟารีคอม ซึ่งดำเนินการโครงการขนย้ายเงินซึ่งทำให้เงินถูกส่งจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่งภายในประเทศได้[3]

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ประสบภัยแล้งที่อยู่ห่างไกลและเดินทางไปยังตลาดได้ลำบาก การจัดส่งอาหารยังคงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการช่วยเหลือ[3] เฟรด คูนี กล่าวว่า "โอกาสช่วยชีวิตในระยะเริ่มต้นของปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ลดลงอย่างมากเมื่ออาหารถูกนำเข้ามาแล้ว และเมื่อมันมาถึงประเทศและถึงมือประชาชน ป่านนั้นคนจำนวนมากก็ตายไปแล้ว"[47] กฎหมายสหรัฐ ซึ่งกำหนดให้ต้องซื้ออาหารในประเทศแทนที่จะเป็นที่ซึ่งผู้หิวโหยอาศัยอยู่ ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะค่าใช้จ่ายเกือบครึ่งเป็นค่าขนส่งอาหารเหล่านี้[48] เขายังชี้ต่อไปว่า "การศึกษาทุพภิกขภัยครั้งหลังทุกครั้งได้แสดงให้เห็นว่า ในประเทศที่เกิดยังมีอาหารอยู่ แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกครั้งที่มีการขาดแคลนอาหาร" และ "ถึงแม้ว่ามาตรฐานราคาท้องถิ่นจะสูงเกินกว่าที่คนยากจนจะซื้อได้ แต่โดยทั่วไปแล้ว การซื้ออาหารกักตุนที่ราคาเงินเฟ้อจะถูกกว่าสำหรับผู้ให้บริจาคกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ"[49]

เอธิโอเปียนำร่องโครงการซึ่งปัจจุบันเป็นตำรับแนะนำของธนาคารโลกเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์อาหารและถูกมองโดยองค์กรช่วยเหลืออื่น ๆ ว่าเป็นแม่แบบสำหรับวิธีการช่วยเหลือประเทศที่หิวโหยที่ดีที่สุด ผ่านโครงการสนับสนุนอาหารหลักของประเทศ โครงการเครือข่ายความปลอดภัยผลิตภาพ เอธิโอเปียได้ให้โอกาสแก่ผู้อยู่อาศัยในชนบท ผู้ขาดแคลนอาหารเรื้อรัง ในการทำงานแลกกับอาหารหรือเงินสด องค์กรช่วยเหลือต่างประเทศ อย่างโครงการอาหารโลก จากนั้นสามารถซื้ออาหารจากท้องถิ่นในพื้นที่ที่มีอาหารสมบูรณ์แจกจ่ายไปยังพื้นที่ขาดแคลนอาหาร[50]

ใกล้เคียง

ทุพภิกขภัย ทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ในไอร์แลนด์ ทุพภิกขภัยในจะงอยแอฟริกา พ.ศ. 2554 ทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ ค.ศ. 1315–1317 ทุพภิกขภัยในประเทศเอธิโอเปีย พ.ศ. 2526–2528 ทุพภิกขภัยในเกาหลีเหนือ ทุพภิกขภัยในประเทศรัสเซีย ค.ศ. 1921–1922 ทุพภิกขภัยในไอร์แลนด์

แหล่งที่มา

WikiPedia: ทุพภิกขภัย http://english.peopledaily.com.cn/90001/90781/9087... http://www.amazon.com/dp/3838306724 http://www.atimes.com/atimes/South_Asia/HG21Df01.h... http://maximumred.blogspot.com/2005_01_01_maximumr... http://www.csmonitor.com/2007/0724/p01s01-wogi.htm... http://www.csmonitor.com/2008/0118/p08s01-comv.htm... http://www.csmonitor.com/2008/0506/p01s06-woaf.htm... http://www.csmonitor.com/2008/0604/p01s02-woaf.htm... http://www.csmonitor.com/2008/0618/p07s01-woaf.htm... http://www.historynet.com/magazines/military_histo...