การทำการนอกจีนแผ่นดินใหญ่ ของ ธนาคารแห่งประเทศจีน

ธนาคารแห่งประเทศจีน (ต่อจากนี้จะเรียกว่า BOC) มีธนาคารสาขาย่อยทำการอยู่ในหลายประเทศนอกสาธารณรัฐประชาชนจีนในลักษณะของบริษัทเอกชน แต่ธนาคารย่อยเหล่านี้ยังคงมี BOC ที่ตั้งอยู่ในปักกิ่งที่เป็นของรัฐบาลจีนควบคุมอยู่ BOC เริ่มตั้งสำนักงานทำการนอกประเทศแห่งแรกที่ฮ่องกง (ซึ่งในขณะนั้นยังคงตกอยู่ใต้อาณัติของจักรวรรดิอังกฤษอยู่) ในปี พ.ศ. 2460 และกลายเป็นธนาคารชั้นนำที่เป็นคู่แข่งสำคัญของธนาคารสัญชาติอังกฤษต่างๆ ในฮ่องกง BOC เป็นธนาคารผู้ออกธนบัติให้กับฮ่องกงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 และเป็นผู้ออกธนบัติให้กับมาเก๊าตั้งแต่ พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา

ต่อมาสาขาทำการในฮ่องกงของ BOC ได้ทำการตั้งกลุ่มบริษัทใหม่และเปลี่ยนเป็นธนาคารแห่งประเทศจีน (ฮ่องกง) จำกัดมหาชน หรือ Bank Of China (Hong Kong) หรือ BOCHK ในปี พ.ศ. 2544 และต่อมาก็เข้าไปเปิดขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2545 โดยที่ทุนเรือนหุ้นของ BOCHK ถึงสองในสามเป็นของผู้ถือหุ้นรายย่อย ในปัจจุบันสำนักงานใหญ่ของ BOC ฮ่องกงตั้งอยู่ในอาคารแบงค์ออฟไชน่าทาวเวอร์ ซึ่งเมื่ออาคารเปิดให้สาธารณชนเช่าเปิดสำนักงานในปี พ.ศ. 2533 อาคารดังกล่าวก็กลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในฮ่องกงไปอีกพักใหญ่

ธนาคารแห่งประเทศจีนเปลี่ยนจากบริษัทเป็นบริษัทจำกัดในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2546 และได้เข้าทำการเปิดขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (โดยขายหุ้นแยกกับ BOCHK ต่างหาก) และสามารถทำการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกได้มากที่กว่าสถาบันทางการเงินใดๆ ในโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา โดยในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ที่มีการเปิดตัวขายหุ้นสามารถทำรายได้ได้ 9.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีนักลงทุนรายย่อยสั่งซื้อหุ้น IPO ไปถึง 286 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (36.7 พันล้าน USD) ซึ่งเป็นการสั่งซื้อหุ้นเกินยอดที่กำหนดไว้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีการสั่งซื้อเกินยอดที่กำหนดไว้กว่า 76 เท่าตัว จนทำให้มีนักวิชาการสาขาการวิเคราะห์การเงินบางส่วนออกมาเตือนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มสูงขึ้น กระนั้น กระแสสั่งซื้อจากนักลงทุนก็ไม่ได้ลดลงมากนัก และทำให้ราคาหุ้น IPO ของธนาคารแห่งประเทศจีนที่มีราคาเริ่มต้นที่ 2.95 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น มีราคาเพิ่มขึ้น 15% ในการซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในวันถัดมาโดยเพิ่มเป็น 3.40 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น

ต่อมาธนาคารแห่งประเทศจีนได้ทำการเปิดตัวเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (อีกครั้ง) ที่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ในปี พ.ศ. 2549 และสามารถทำรายได้ได้ประมาณ 20 พันล้านหยวน (2.5 พันล้าน USD) BOC นั้นเป็นธนาคารที่ดูเป็นสากลที่สุดในบรรดาธนาคารสัญชาติจีนทั้งหลาย โดยมีธนาคารสาขาย่อยตั้งทำการอยู่ในแทบทุกทวีป โดยมีที่ทำการอยู่ใน 25 ประเทศ ได้แก่ออสเตรเลีย, แคนาดา, สหราชอาณาจักร, ประเทศฝรั่งเศส, เยอรมนี, ประเทศอิตาลี, ลักเซมเบิร์ก, สหพันธรัฐรัสเซีย, ฮังการี, สหรัฐอเมริกา, ปานามา, บราซิล, ประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, คาซัคสถาน, บาห์เรน, แซมเบีย, แอฟริกาใต้ รวมถึงในประเทศไทย และยังมีสาขาย่อยอีกสาขาหนึ่งที่หมู่เกาะเคย์แมน (ที่ไม่ใช่ประเทศแต่เป็นดินแดนโพ้นทะเลบริติช) แต่แม้ว่าจะมีสาขาย่อยเป็นจำนวนมาก ระดับกิจกรรมการเงินภายนอกประเทศจีนโดยรวมกลับมีน้อยกว่า 4% ทั้งในด้านของกำไรและสินทรัพย์ ในขณะที่กิจกรรมทางการเงินในประเทศจีนนั้นทำกำไรให้กับ BOC ถึง 60% ของกำไรทั้งหมด และมีสินทรัพย์โดยรวม 76% ในประเทศจีนจากสินทรัพย์ทั้งหมดที่ BOC มี จากการประเมินในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2548

ส่วนธนาคารหรือบริษัทที่ทำงานในด้านการเงินและมีความเกี่ยวข้องกับธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (เป็นธนาคารกลางของจีนในปัจจุบัน) และ BOC ได้แก่:

ธนาคารไทย ธนาคารพาณิชย์ไทย และสถาบันการเงินที่มีสาขาในประเทศไทย
ธนาคารกลาง
ธนาคารพาณิชย์ไทย
ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ
สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร
ธนาคารในอดีต
ธนาคาร และธนาคารพาณิชย์ของประเทศจีน
ธนาคารกลาง
นโยบายธนาคาร
แห่งรัฐ
การค้า
  • ซิทิกแบงก์
  • ไชนาเอเวอร์ไบรท์แบงก์
  • ธนาคารเซี๊ยะหัว
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนากวางตุ้ง
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาเซินเจิ้น
  • ธนาคารร้านค้าจีน
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาเซี่ยงไฮ้ผู่ตง
  • ธนาคารอุตสาหกรรม จำกัด
  • ธนาคารมินเซิง
  • เอเวอร์โกลวอิงแบงก์
  • ธนาคารซี่ฉาง
  • ธนาคารเบาไถ
  • ธนาคารเซียะเหมินระหว่างประเทศ
  • ธนาคารผิงอาน

ใกล้เคียง

ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารไทยเครดิต ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย