นคราภิวัฒน์ หรือ
การกลายเป็นนคร,
การกลายเป็นเมือง (
อังกฤษ: Urbanisation หรือ Urbanization) หมายถึงการโยกย้ายประชากรจากพื้นที่ชนบทมายัง
พื้นที่เมือง การค่อย ๆ เพิ่มขึ้นของสัดส่วนผู้คนที่อาศัยในพื้นที่เมือง และวิธีทางที่สังคมปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้
[1] นคราภิวัฒน์ถือเป็นขั้นตอนเด่นที่เมืองนั้นเกิดขึ้นและขยายตัวตามจำนวนผู้คนที่เริ่มเข้ามาอยู่อาศัยและทำงานในพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลาง
[2] ถึงแม้แนวคิดทั้งสองแบบนี้สามารถใช้แทนที่กันได้ การนคราภิวัฒน์นั้นแตกต่างจากการเจริญเติบโตของเมือง (Urban growth) เพราะการนคราภิวัฒน์คือ “สัดส่วนของประชากรในชาติที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่กำหนดว่าเป็นเขตเมือง” ("the proportion of the total national population living in areas classed as urban") ในขณะที่การเจริญเติบโตของเมืองหมายถึง “จำนวนผู้คนสัมบูรณ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดว่าเป็นเขตเมือง” ("the absolute number of people living in areas classed as urban")
[3] องค์การสหประชาชาติระบุว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกจะอาศัยในเขตเมืองภายในสิ้นปี 2008
[4] มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 ประมาณ 64% ของ
ประเทศกำลังพัฒนา และ 86% ของ
ประเทศพัฒนาแล้วจะกลายเป็นเขตมืองจากกระบวนการนคราภิวัฒน์
[5] มีค่าเทียบเท่ากับ 3 พันล้านชาวนคร (urbanites) ภายในปี 2050 ส่วนมากจะเกิดข้นในแอฟิกาและเอเชีย
[6]นคราภิวัฒน์นั้นเกี่ยวข้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบหลายส่วน รวมถึง
การออกแบบผังเมือง ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ สถาปัตยกรรม เศรษฐกิจ และการ
สาธารณสุข ปรากฏการณ์นี้ถือว่าเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ
การทำให้ทันสมัย (Modernisation)
การปรับให้เป็นอุตสาหกรรม (Industrialisation) และการบวนการ
หาเหตุผล (Rationalisation) ในเชิงสังคมศาสตร์
[7]ในปัจจุบัน กลุ่มเมืองนคร (Urban agglomerations) ในเอเชียทั้ง
โอซากะ,
โตเกียว,
กวางโจว,
การาจี,
จาการ์ตา,
มุมไบ,
เซี่ยงไฮ้,
มะนิลา,
โซล และ
ปักกิ่ง ล้วนมีประชากรมากกว่า 20 ล้านคน ในขณะที่
เดลี มีการคาดการณ์ว่าจะมีประชากรเกิน 40 ล้านคนในปี 2035
[8] ส่วนเมืองเช่น
เตหะราน,
อิสตันบูล,
เม็กซิโกซิตี,
เซาเปาโล,
ลอนดอน,
มอสโก,
นิวยอร์กซิตี,
เลกอส,
ลอสแอนเจลิส และ
ไคโร ล้วนมี หรือกำลังจะมีประชากรเกิน 15 ล้านคน