การป้องกันด้วยการออกกฎหมาย ของ น้ำป่า

ตัวอย่างแผนที่น้ำป่าในแคว้นอัสสัมจัดทำโดยมหาวิทยาลัยดาร์ทมัธ สหรัฐฯ สามารถนำมาใช้ประกอบการออกกฎหมายควบคุมการใช้ที่ดิน

น้ำป่าเป็นภัยพิบัติธรรมชาติที่สามารถบ่งชี้พื้นที่ที่มีศักยภาพที่จะเกิดได้แน่นอน การกำหนดพื้นที่บริเวณทางน้ำป่าและน้ำหลากที่รุนแรงจากระดับมากถึงน้อยเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ชัดเจน แม่นยำและมีราคาถูกโดยการใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (จีไอเอส) ที่มีใช้กันโดยทั่วไป ปัญหาของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนของภาครัฐฯ และฝ่ายนิติบัญญัติคือการขาดความตระหนักและการให้ความสำคัญในด้านนี้ ถึงแม้กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะได้จัดทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงต่อพิบัติภัยดินถล่มไว้บ้างแล้ว ก็ยังไม่มีการตรากฎหมายและนโยบายการตั้งถิ่นฐานระดับชาติที่เน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และระบบนิเวศในบริเวณนอกเขตเมืองที่ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติหรือเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า

ส่วนในเขตเมืองที่เป็นทางน้ำหลากและพื้นที่น้ำท่วม เช่น หาดใหญ่ เชียงใหม่ และเกือบทุกเมืองที่ถูกน้ำท่วมเป็นประจำนั้นเกณฑ์ที่นักผังเมืองนำมาพิจารณาในการกำหนดเขตการใช้ที่ดินมักเน้นปัจจัยด้านเศรษฐกิจ-สังคม และทางรัฐศาสตร์หรือการเมือง ไม่ใช้หลักการพื้นที่พิบัติจากภัยธรรมชาติมาเป็นเกณฑ์ (planning criteria)ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นแม้ในการวางผังการใช้ที่ดินในพื้นที่ที่ถูกคลื่นสึนามิทำลายครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อปลายปี พ.ศ. 2547