บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
บาซิลิกาซานมินิอาโตอัลมอนเต (
อิตาลี: Basilica di San Miniato al Monte) เป็น
บาซิลิกาที่ตั้งอยู่ที่เมือง
ฟลอเรนซ์ทางตอนกลางของ
ประเทศอิตาลี ตัวบาซิลิกาตั้งอยู่บนเนินที่สูงที่สุดของเมืองฟลอเรนซ์ บาซิลิกาซานมินิอาโตอัลมอนเตได้ชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกชิ้นหนึ่งของ
สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ใน
ทัสเคนี บาซิลิกาตั้งอยู่ติดกับ
สำนักสงฆ์ลัทธิโอลิเวทันส์ที่จะมองเห็นเมื่อขึ้นบันไดไปยังบาซิลิกา
[1]นักบุญมินิอัสแห่งฟลอเรนซ์ หรือมินาส (
อาร์มีเนีย: Մինաս,
อิตาลี: Miniato) เดิมเป็นเจ้าชาย
ชาวอาร์มีเนียผู้รับราชการเป็นทหารในกองทัพโรมันภายใต้
จักรพรรดิเดซิอัส[2] มินิอัสถูกประณามว่าเป็นผู้นับถือ
คริสต์ศาสนาหลังจากที่ไปเป็นนักพรต และถูกนำตัวมาปรากฏต่อหน้าจักรพรรดิ ผู้กำลังตั้งค่ายอยู่หน้าประตูเมืองฟลอเรนซ์ พระจักรพรรดิมีพระบรมราชโองการให้โยนมินิอัสให้สัตว์ป่ากินในสนามกีฬา แต่เมื่อปล่อยเสือดำเข้าไป เสือดำก็ไม่ยอมทำร้ายมินิอัส มินิอัสจึงถูก
ตัดหัวต่อหน้าพระจักรพรรดิ กล่าวกันว่ามินิอัสไม่ได้เสียชีวิตทันทีแต่ก้มลงยกหัวของตนขึ้นมา แล้ว
ประคองหัวข้าม
แม่น้ำอาร์โน จากนั้นก็เดินขึ้นเนินมอนส์ฟิโอเรนตินัสไปยังที่อาศัย
[3] ต่อมาก็ได้มีการสร้างสักการะสถานตรงจุดนี้ และเมื่อมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 ก็มีชาเปลขึ้นแล้ว การก่อสร้างคริสต์ศาสนสถานที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้เริ่มขึ้นเมื่อ
ค.ศ. 1013 โดยสังฆราชอาลิบรันโด โดยการอุปถัมภ์ของ
สมเด็จพระจักรพรรดิไฮนริคที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ บาซิลิกาซานมินิอาโตอัลมอนเตเริ่มด้วยการเป็น
สำนักสงฆ์ของ
ลัทธิเบ็นนาดิคติน จากนั้นก็เปลี่ยนมือไปเป็นของ
ลัทธิคลูนี และในปี
ค.ศ. 1373 ก็ตกไปเป็นของ
ลัทธิโอลิเวตันผู้ซึ่งยังคงใช้คริสต์ศาสนสถานนี้อยู่ นักบวชของสำนักสงฆ์มีชื่อเสียงในการทำ
สุรา,
น้ำผึ้ง และ
ชาสมุนไพรที่ขายในร้านที่ตั้งอยู่ติดกับวัดด้านหน้าวัดที่ทำด้วยหินอ่อนเป็นลวดลายเรขาคณิตอาจจะเริ่มทำขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1090 แต่ตอนบนสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 12 หรือหลังจากนั้นโดยการอุปถัมภ์ของ
สมาคมพ่อค้าผ้าแห่งฟลอเรนซ์ผู้มีความรับผิดชอบในการทำนุบำรุงวัดมาตั้งแต่ ค.ศ. 1288 (อินทรีที่อยู่บนยอดหน้าวัดเป็นสัญลักษณ์ของสมาคม).
งานโมเสกของภาพ “พระเยซูระหว่างพระแม่มารีและ
นักบุญมินิอัสแห่งฟลอเรนซ์” สร้างในปี
ค.ศ. 1260 หอระฆังทลายลงมาในปี
ค.ศ. 1499 และสร้างแทนในปี
ค.ศ. 1523 แต่ก็ยังสร้างไม่เสร็จ ระหว่างการล้อมเมืองฟลอเรนซ์ในปี
ค.ศ. 1530 บาซิลิกาใช้เป็นคลังอาวุธ และ
ไมเคิล แอนเจโลสั่งให้ห่อวัดไว้ด้วยที่นอนเพื่อกันความเสียหายจากการยิงของฝ่ายศัตรูภายในมีลักษณะที่แปลกมาก โดยมี
บริเวณร้องเพลงสวดตั้งอยู่บนยกพื้นเหนือ
คริพท์ขนาดใหญ่ และแทบจะไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดตั้งแต่ได้ทำการสร้างมา พื้นที่เป็นลวดลายสร้างขึ้นตั้งแต่
ค.ศ. 1207 กลาง
ทางเดินกลางเป็นที่ตั้งของ “ชาเปลแห่งกางเขน” (
อิตาลี: Cappella del Crocefisso) ที่เป็น
ชาเปลที่ตั้งเป็นอิสระที่ออกแบบโดย
มิเกลอโซ มิเกลอซิในปี
ค.ศ. 1448 เดิมชาเปลเป็นที่ตั้งของ
กางเขนศักดิ์สิทธิ์ที่ปัจจุบันตั้งอยู่ที่
วัดซานตาทรินิตา และตกแต่งด้วยจิตรกรรมแผงที่เชื่อกันมานานว่าเขียนโดย
อักโนโล กัดดี งานรูปลักษณ์ดินเผาเคลือบสร้างโดย
ลูคา เดลลา รอบเบียคริพท์เป็นบริเวณสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในวัดและแท่นบูชาเอกก็เชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุกระดูกของ
นักบุญมินิอัสแห่งฟลอเรนซ์เอง (แม้ว่าจะมีหลักฐานว่าได้ถูกทำ
การเคลื่อนย้ายไปยัง
เมท์ซก่อนที่จะสร้างวัดเสียอีก) บนเพดานเป็น
จิตรกรรมฝาผนังที่เขียนโดย
ทัดดิโอ กัดดีบริเวณร้องเพลงสวดที่อยู่บนยกพื้นและ
คริสต์ศาสนพิธีมณฑลเป็นที่ตั้งของ
แท่นเทศน์โรมาเนสก์อันงดงามและฉากที่สร้างในปี
ค.ศ. 1207 บนเพดานของ
มุขตะวันออกเป็น
งานโมเสกอันงดงามที่สร้างมาตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1297 ที่หัวเรื่องของภาพเหมือนกับด้านหน้าของบาซิลิกาและอาจจะสร้างโดยศิลปินคนเดียวกัน
กางเขนเหนือ
แท่นบูชาเอกเป็นงานที่ระบุว่าสร้างโดย
ลูคา เดลลา รอบเบีย สังฆทรัพยคูหาตกแต่งอย่างเต็มที่ด้วยงาน
จิตรกรรมฝาผนังอันมีฝีมือเป็นฉากต่างๆ ในชีวิตของ
นักบุญเบ็นนาดิคแห่งเนอร์เซียโดย
สปีเนลโล อาเรติโน (ค.ศ. 1387)
ชาเปลคาร์ดินัลพอร์โตกาลโลทางด้านซ้ายของทางเดินกลางที่กล่าวว่าเป็น “งานอนุสรณ์รำลึกถึงผู้ตายอันงดงามที่สุดชิ้นหนึ่งของงานจา
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี”
[4] สร้างในปี
ค.ศ. 1473 เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่คาร์ดินัล
เจมส์แห่งลูซิทาเนียผู้เป็นราชทูตจาก
โปรตุเกสผู้มาเสียชีวิตที่ฟลอเรนซ์ในปี
ค.ศ. 1459 อนุสรณ์คาร์ดินัลเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงผู้ตายอนุสรณ์เดียวในบาซิลิกา ชาเปลเป็นผลงานที่ทำร่วมกันโดยศิลปินหลายท่าน โดยมี
อันโตนิโอ มาเนตตีผู้ช่วยของฟีลิปโป บรูเนลเลสกีที่มาสร้างเสร็จหลังจากที่มาเนตตีเสียชีวิตไปแล้วโดย
จิโอวานนิ รอซเซลลิโน ตัวอนุสรณ์สร้างโดย
อันโตนิโอ รอซเซลลิโน และ
แบร์นาร์โด รอซเซลลิโน ชาเปลตกแต่งโดย
อเลสโซ บาลโดวิเนตตี,
อันโตนิโอ เดล โพลลาโอโล,
เปียโตร เดล โพลลาโอโล และ
ลูคา เดลลา รอบเบียด้านข้างของบาซิลิกาเป็น
ระเบียงคดที่สร้างอย่างงดงาม ที่วางแผนกันไว้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1426 และมาสร้างในระหว่างปี
ค.ศ. 1443 ถึงกลางคริสต์ทศวรรษ 1450 และออกแบบโดย
อันโตนิโอ รอซเซลลิโน และ
แบร์นาร์โด รอซเซลลิโน โดยทุนจาก “Arte della Mercantia” แห่งฟลอเรนซ์
[5] ส่วนวังป้อมของพระสังฆราชสร้างในปี ค.ศ. 1295 ต่อมาใช่เป็นค่ายทหารและโรงพยาบาล กลุ่มสิ่งก่อสร้างทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงป้องกัน เดิมสร้างอย่างรวกๆ โดยไมเคิล แอนเจโลระหว่างที่ฟลอเรนซ์ถูกล้อมในปี ค.ศ. 1553 แต่ต่อมาก็ได้รับการขยายให้เป็นป้อมปราการเต็มตัวโดย
โคสิโมที่ 1 เดอ เมดิชิ ตัวกำแพงในปัจจุบันล้อมรอบสุสานขนาดใหญ่ “Porte Sante” ที่สร้างในปี ค.ศ. 1854สุสานเป็นที่ฝังศพของบุคคลสำคัญหลายคนของอิตาลีที่รวมทั้ง
คาร์โล โคลโลดีผู้สร้าง
พินอคคิโอ, นักการเมือง
จิโอวานนี สปาโดลินี, จิตรกร
เปียโตร อันนิโกนี, กวีและนักประพันธ์
ลุยจิ อูโกลินี, นักสร้างภาพยนตร์
มาริโอ เชชชิ โกรี, ประติมากร
ลิเบโร อันเดรอตตี, นักเขียน
จิโอวานนี ปาปินี และนักฟิสิคส์บรูโน เบเนเดตโต รอซซี