วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560 บุญเกิดเป็นผู้นำกำลังพลกว่า 1,000 คน พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์, รถหุ้มเกราะ และรถลำเลียงกำลังพล ซึ่งยกพลขึ้นบกด้วยเรือหลวงอ่างทอง และเรือหลวงมันนอก ที่ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส[23][31][32]

ในวันที่ 9 ตุลาคม ของปีดังกล่าว ได้เกิดเหตุระเบิดที่อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้มีอาสาสมัครทหารพรานนาวิกโยธินเสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย บุญเกิดจึงรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ[33][34][35] หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีการเผยแพร่ภาพขณะที่บุญเกิดคุกเข่าไหว้ขอโทษบิดาของอาสาสมัครทหารพรานที่เสียชีวิตอย่างกว้างขวาง[36] ภาพดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจและซาบซึ้งต่อผู้คนจำนวนมาก โดยต่างยกย่องถึงการกระทำของบุญเกิด ที่แม้จะไม่ใช่ความผิดของเขา แต่ก็แสดงออกถึงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างอ่อนน้อม[15][37]

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาได้ร่วมสนธิกำลัง 2 ฝ่าย ใช้กฎอัยการศึกตรวจค้นเป้าหมาย[38][39][40] และในวันที่ 15 ตุลาคมเดียวกันนี้ บุญเกิดได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพราน ประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หน่วยนาวิกโยธิน เข้าตรวจสอบระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกอยู่ในสวนมะพร้าว และสามารถเก็บกู้ได้ทันท่วงที โดยเจ้าหน้าที่ดำเนินเก็บกู้ยิงทำลาย[41]

สำหรับในปี พ.ศ. 2561 บุญเกิดเป็นหนึ่งในผู้ตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพราน ทั้งในเดือนกุมภาพันธ์[42][43][44] และเดือนมีนาคม[45] ส่วนในเดือนเมษายน ของปีเดียวกัน เขาได้ร่วมตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงจุดตรวจและฐานปฏิบัติการทหารพรานนาวิกโยธิน 3 จุด ที่อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส[46][47][48][49][50]

ทั้งนี้ บุญเกิดมักใช้คำเรียกลูกน้องในค่ายของตนว่า “ลูก” อยู่เสมอ[51][52][53] รวมถึงเคยเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยลูกน้องของตนเอง[54]