ประเทศเกาหลีเหนือประกาศในปี 2552 ว่าประเทศพัฒนา
อาวุธนิวเคลียร์ และครอบครองคลัง
อาวุธนิวเคลียร์ค่อนข้างธรรมดาขนาดเล็ก ประเทศเกาหลีเหนือยังมีสมรรถนะ
อาวุธเคมีและ/หรือ
อาวุธชีวภาพ[1] ตั้งแต่ปี 2546 ประเทศเกาหลีเหนือไม่เป็นภาคี
สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป
[2]วันที่ 9 ตุลาคม 2549 ประเทศเกาหลีเหนือประกาศว่าทดลองนิวเคลียร์ครั้งแรกสำเร็จ มีการตรวจพบการระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดิน มีการประมาณว่าแรงระเบิด (yield) น้อยกว่าหนึ่งกิโลตัน และตรวจพบปริมาณกัมมันตรังสีบางส่วน
[3][4][5]ในเดือนเมษายน 2552 รายงานเปิดเผยว่าประเทศเกาหลีเหนือกลายเป็น "รัฐนิวเคลียร์โตสมบูรณ์" (fully fledged nuclear power) เป็นความเห็นที่ผู้อำนวยการใหญ่
ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)
มุฮัมมัด อัลบะรอดะอี แบ่งปัน
[6] วันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ประเทศเกาหลีเหนือทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่สอง ทำให้เกิดแรงระเบิดที่ประมาณระหว่าง 2 ถึง 7 กิโลตัน
[7] การทดลองเมื่อปี 2552 เช่นเดียวกับการทดลองปี 2549 เชื่อว่าเกิดที่มันทัพซัน (Mantapsan) เทศมณฑลคิลจู (Kilju County) ในส่วนตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเกาหลีเหนือ
[8]วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 การสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (U.S. Geological Survey) ตรวจพบความไหวสะเทือน (seismic disturbance) ขนาด 5.1
[9] ซึ่งรายงานว่าเป็นการทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินครั้งที่สาม
[10] ประเทศเกาหลีเหนือรายงานอย่างเป็นทางการว่าเป็นการทดลองนิวเคลียร์ที่สำเร็จด้วยหัวรบเบากว่าซึ่งส่งแรงมากกว่าแต่ก่อน แต่ไม่เปิดเผยแรงระเบิดแน่ชัด แหล่งข้อมูลเกาหลีใต้หลายแหล่งประมาณแรงระเบิดที่ 6–9 กิโลตัน ขณะที่สถาบันธรณีศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติสหพันธรัฐเยอรมันประมาณแรงระเบิดไว้ที่ 40 กิโลตัน
[11][12][13]วันที่ 6 มกราคม 2559 ในประเทศเกาหลี การสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐตรวจพบความไหวสะเทือนขนาด 5.1
[14] ซึ่งรายงานว่าเป็นการทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินครั้งที่สี่
[15] ประเทศเกาหลีเหนืออ้างว่าการทดลองนี้เป็น
ระเบิดไฮโดรเจน ข้ออ้างนี้ยังมิได้พิสูจน์ยืนยัน ในไม่กี่ชั่วโมง นานาชาติและองค์การประณามการทดลองนี้
[16] ข้อมูลไหวสะเทือนที่รวบรวมได้จนบัดนี้แนะว่าแรงระเบิดมีขนาด 6–9 กิโลตัน และขนาดนี้ไม่สอดคล้องกับกำลังที่จะเกิดจากการระเบิดของระเบิดไฮโดรเจน วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2559 ประมาณหนึ่งเดือนหลังการทดลองที่อ้างว่าเป็นระเบิดไฮโดรเจน ประเทศเกาหลีเหนืออ้างว่าส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรรอบโลก นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
ชินโซ อะเบะ เตือนเกาหลีเหนือมิให้ปล่อยจรวด และหากปล่อยและจรวดละเมิดดินแดนญี่ปุ่น จะถูกยิงตก กระนั้น ประเทศเกาหลีเหนือก็ยังปล่อย โดยอ้างว่าดาวเทียมมีเจตนาความประสงค์สันติและทางวิทยาศาสตร์ หลายชาติซึ่งรวมสหรัฐ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ประณามการปล่อย และแม้เกาหลีเหนืออ้างว่าจรวดมีความมุ่งหมายสันติ แต่ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นความพยายามทดสอบ
ขีปนาวุธข้ามทวีปภายใต้บังหน้าการปล่อยดาวเทียมอย่างสันติ จีนยังวิจารณ์การปล่อยด้วย ทว่า กระตุ้นให้ "ภาคีที่เกี่ยวข้อง" "ละเว้นจากการดำเนินการที่อาจทำให้ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีบานปลายอีก"
[17]ชาติอื่นและสหประชาชาติสนองการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์ที่กำลังดำเนินอยู่ของเกาหลีเหนือโดยการลงโทษต่าง ๆ ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2559
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกเสียงลงคะแนนกำหนดการลงโทษประเทศเกาหลีเหนือเพิ่มเติม
[18]การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ห้าเกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2559 แรงระเบิดจากการทดสอบถือว่าสูงสุดในบรรดาการทดสอบทั้งห้าครั้ง เกินสถิติเดิมในปี 2556 รัฐบาลเกาหลีใต้กล่าวว่าแรงระเบิดมีขนาดประมาณ 10 กิโลตัน
[19] แต่แหล่งอื่นเสนอว่ามีแรงระเบิด 20 ถึง 30 กิโลตัน
[20] แหล่งข้อมูลเยอรมันเดียวกันยังประเมินว่าการทดสอบนิวเคลียร์ก่อนหน้าทั้งหมดของเกาหลีเหนือมีแรงระเบิด 25 กิโลตัน
[21]ในปี 2560 ประเทศเกาหลีเหนือทดสอบปล่อย
ขีปนาวุธข้ามทวีปสองลูก ซึ่งลูกที่สองมีพิสัยเพียงพอถึงสหรัฐแผ่นดินใหญ่
[22] ในเดือนกันยายน 2560 ประเทศประกาศการทดสอบ
ระเบิดไฮโดรเจน "สมบูรณ์แบบ" อีก