ปลาคู้ หรือ
ปลาเปคู (
โปรตุเกส: Pacu ปากู) หรือที่นิยมเรียกกันในเชิง
การเกษตรว่า
ปลาจะละเม็ดน้ำจืด เป็นชื่อสามัญที่เรียกปลาน้ำจืดจำพวกหนึ่งใน
วงศ์ปลาคาราซิน (Characidae) ในวงศ์ย่อย
Serrasalminae หรือวงศ์ย่อยของปลาปิรันยาปลาคู้มีรูปร่างโดยรวมคล้ายกับปลาปิรันยาซึ่งอยู่ใน
วงศ์ย่อยเดียวกัน หากแต่อยู่ต่าง
สกุลกัน โดยปลาคู้นั้นจะมีรูปร่างที่ใหญ่โตกว่าปลาปิรันยามาก โดยอาจยาวได้ถึง 80-110
เซนติเมตร และอาจ
หนักได้เกือบ 40
กิโลกรัม และมีพฤติกรรมที่ต่างกัน คือ ปลาคู้จะกินได้ทั้ง
พืชและ
สัตว์ โดยบางครั้งอาจจะขึ้นไปบนผิวน้ำเพื่อรอกิน
ผลไม้หรือ
ลูกไม้ที่ร่วงหล่นจาก
ต้นได้เลย ขณะที่ปลาปิรันยาจะกินแต่เนื้อเพียงอย่างเดียวอีกประการหนึ่งที่แตกต่างกัน คือ
ฟันและ
กรามของปลาคู้แม้จะแข็งแรงและแหลมคม แต่ก็ไม่เป็นซี่แหลมเหมือนปลาปิรันยา และกรามล่างจะไม่ยื่นยาวออกมาจนเห็นได้ชัด
[1][2]ปลาคู้มักอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง กระจายพันธุ์ใน
ลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ใน
ทวีปอเมริกาใต้เช่น
อเมซอน,
โอรีโนโก เป็นต้นปลาที่ได้ชื่อว่าเป็น ปลาคู้ จะเป็นปลาที่อยู่ในสกุล
Acnodon,
Colossoma,
Metynnis,
Mylesinus,
Mylossoma,
Ossubtus,
Piaractus,
Tometes และ
Utiaritichthys [3]เป็นปลาที่นิยมเลี้ยงกันเป็น
ปลาเศรษฐกิจในหลายส่วนของ
โลก[4]รวมถึงใน
ประเทศไทยด้วย เนื่องจากเป็นปลาที่โตได้เร็วมาก กินเก่ง กินอาหารได้ไม่เลือก อีกทั้งยังพบว่าเป็นปลาที่ช่วยในการกำจัด
หอยเชอรี่อันเป็นศัตรู
ข้าวที่สำคัญได้อีกด้วย
[5] ประกอบกับเนื้อมีรสชาติอร่อยสามารถปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย อีกทั้งนิยมตกกันเป็น
เกมกีฬาด้วย แต่ด้วยความแพร่หลายนี้ ทำให้กลายเป็นปัญหาของ
ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นในบางพื้นที่สำหรับในประเทศไทย
ชนิดของปลาคู้ที่นำเข้ามาและนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย คือ
ปลาคู้แดง (Piaractus brachypomus) และ
ปลาคู้ดำ (Colossoma macropomum) ซึ่งเป็นชนิดที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ยังนิยมเลี้ยงกันเป็น
ปลาสวยงามด้วยปลาคู้ แม้จะได้ชื่อว่าไม่เป็นปลาอันตรายต่อมนุษย์เท่ากับปลาปิรันยา
[6] แต่ที่ปาปัวนิวกินีและสหรัฐอเมริกา กลับมีปลาคู้ที่มีพฤติกรรมกัด
อัณฑะของผู้ที่ตกปลาหรือลงไปว่ายน้ำในแม่น้ำถึงขั้นเสียชีวิตมาแล้ว
[7][8]