ปลามูนฟิช หรือ
ปลาพระจันทร์ หรือ
ปลาโอปาห์[1] (
อังกฤษ: Moon fish, Opah;
ชื่อวิทยาศาสตร์: Lampris guttatus) ปลาทะเลกระดูกแข็งขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ใน
วงศ์ปลามูนฟิช (Lampridae)โดยถือเป็นปลาหนึ่งในสองชนิดที่ยังคงเหลือเผ่าพันธุ์อยู่ในปัจจุบันของวงศ์นี้
[1] ซึ่งถือเป็นปลาที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคปลาย
สมัยไมโอซีนมาจนถึงปัจจุบัน
[2]ปลามูนฟิช หรือ ปลาพระจันทร์ มีรูปร่างกลมแป้น แบนข้างมากเหมือน
ปลาจะละเม็ด กอรปกับตามผิวหนังจะมีจุดกลมสีขาวที่เมื่อสะท้อนกับแสงเมื่ออยู่ใต้น้ำแล้วจะมีความแวววาวดุจแสงจันทร์ จึงเป็นที่มาของชื่อสามัญ
[3] ครีบทุกครีบเป็นสีแดงสด มีขนาดใหญ่สุดได้ถึง 2 เมตร และมีน้ำหนักกว่า 270 กิโลกรัม แต่ขนาดโดยทั่วไปจะมีน้ำหนักประมาณ 40–80 กิโลกรัม
[3]ปลามูนฟิช เป็นปลาน้ำลึกในระดับความลึกของน้ำประมาณ 300–1,500 เมตร โดยพบในมหาสมุทรและทะเลเปิดเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก ได้ชื่อว่าเป็นปลาน้ำลึกที่มีสีสันสวยงามที่สุด หากินในเวลากลางคืน โดยกินแพลงก์ตอนสัตว์เป็นอาหาร
[4] ด้วยเป็นปลาที่มีปากเล็กและไม่มีฟัน ปกติจะอาศัยอยู่ตามลำพังเพียงตัวเดียว แต่บางครั้งจะรวมฝูงไปกับ
ปลาทูน่าและปลาใน
วงศ์ปลาอินทรีตัวอื่น ๆ ด้วย เป็นปลาที่ว่ายน้ำได้เชื่องช้า โดยว่ายน้ำได้เพียง 25 เซนติเมตร/วินาที และมีรายงานว่าว่ายน้ำได้เร็วที่สุดประมาณ 4 เมตร/วินาที
[5] นอกจากนี้แล้ว ยังถือเป็น
สัตว์เลือดอุ่น โดยสามารถรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อบอุ่นกว่าสภาพแวดล้อมใต้น้ำประมาณ 5 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังมีเส้นเลือดบริเวณเนื้อเยื่อของเหงือก อยู่ในรูปแบบที่ทำให้เลือดเย็นจากบริเวณเหงือกไปสัมผัสเข้ากับเส้นเลือดอุ่นที่วิ่งสวนทางกันและด้วยกระบวนการนี้ทำให้เลือดที่ออกมาเป็นเลือดอุ่นโดยสามารถเพิ่มอุณหภูมิของหัวใจได้ ซึ่งช่วยทำให้สามารถว่ายลงไปได้ลึกกว่าปลาทั่วไปและอยู่ใต้ทะเลลึกได้นานกว่า
[6]จัดเป็นปลาหายาก และเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ เนื้อแน่นสีแดงสด มีรสชาติอร่อย และอุดมด้วยคุณค่าทางอาหาร คือ โอเมกา 3, โปรตีน, ไนอาซิน, วิตามินบี 6, วิตามินบี 12 แต่มีโซเดียมต่ำ และปลาทั้งตัวจะมีส่วนที่รับประทานได้เพียงร้อยละ 35 เท่านั้น ที่เหลือจะเป็นส่วนที่เนื้อที่แข็งและก้าง เป็นปลาราคาแพง ราคาขายกันในประเทศไทยตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 2,500 บาท โดยปลาส่วนมากที่จำหน่ายในประเทศไทยจะถูกนำเข้ามาจาก
นิวซีแลนด์[3][7]