บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
ปากนรกภูมิ (
อังกฤษ: Hellmouth หรือ Mouth of Hell) คือทางเข้าสู่ขุม
นรกที่เป็นภาพปากที่อ้ากว้างของยักษาตัวใหญ่ ซึ่งเป็นภาพพจน์ที่เริ่มเขียนกันขึ้นเป็นครั้งแรกใน
ศิลปะแองโกล-แซ็กซอน และต่อมาก็เผยแพร่ไปทั่วยุโรป และเป็นภาพที่นิยมวาดเป็นองค์ประกอบของภาพ “
การตัดสินครั้งสุดท้าย” และ “
ลงสู่ขุมนรก” (Harrowing of Hell) จนกระทั่งมาถึงปลาย
ยุคกลาง และบางครั้งก็เลยมาจนถึง
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและหลังจากนั้น การเขียน “ปากนรกภูมิ” มาฟื้นฟูกันอีกครั้งใน
ภาพพิมพ์สมัยนิยม (Popular print) หลัง
การปฏิรูปศาสนาของนิกายโปรเตสแตนต์ เมื่อรูปลักษณ์ของผู้ที่เป็นศัตรูจะเป็นผู้ที่กำลังจะถูกกลืนหายเข้าไปในปาก
[1] งานชิ้นสำคัญในสมัยหลังเป็นงานเขียนสองชิ้นของ
เอลเกรโกที่เขียนราวปี
ค.ศ. 1578[2] หรือ
การ์ตูนล้อการเมืองที่เป็นภาพของ
จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 นำหน้ากองทัพไปสู่ความหายนะในปากนรก
[3]การละครของยุคกลางมักจะใช้ปากนรกภูมิเป็นฉาก หรือ เครื่องชัก เพื่อที่จะสร้างความหวั่นกลัวให้แก่ผู้ชม ในการสร้างภาพพจน์อันสยดสยองของทางเข้าสู่ขุม
นรก ลักษณะที่สร้างก็มักจะเป็นทางเข้า
ปราสาทโบราณที่มี
เชิงเทิน โดยเพราะเมื่อต้องการที่จะเปรียบเทียบกับ
สวรรค์[4]งานชิ้นโบราณที่สุดของปากนรกภูมิที่เป็นปากสัตว์เท่าที่ทราบโดยนักประวัติศาสตร์ศิลป์ชาวอเมริกัน
เมเยอร์ ชาพิโรเป็นงานสลัก
งาช้างที่สลักขึ้นราว
ค.ศ. 800 (
พิพิธภัณฑ์วิคตอเรียและอัลเบิร์ต, ลอนดอน) ชาพิโรกล่าวว่างานส่วนใหญ่ที่สร้างก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นงานที่ทำในอังกฤษ ชาพิโรสันนิษฐานว่ารูปลักษณ์ดังกล่าวอาจจะมาจากตำนานปรัมปรา “
แครคเดอะดูม” ของ
เพกัน ที่เป็นปากของหมาป่ายักษ์
เฟนเรียร์ ผู้ถูกสังหารโดย
วิดาร์ ผู้ใช้สัญลักษณ์ของไครสต์บน
กางเขนกอสฟอร์ธ และจากงานศิลปะแองโกล-สแกนดิเนเวียชิ้นอื่นๆ
[5] ใน
การผสานกลืนเข้ากับ
ไวกิงที่ถือ
คริสต์ศาสนาของประชาชนทางตอนเหนือของอังกฤษ สถาบันศาสนาก็ดูเหมือนพร้อมที่จะยอมรับรูปสัญลักษณ์ที่ใช้ในประเพณีนิยมของท้องถิ่นเข้ามาผสานกับรูปสัญลักษณ์ที่ใช้ในคริสต์ศาสนาโดยมิได้ทำการขัดขวาง เช่นในการใช้หินสลักสำหรับที่หมายหลุมศพแบบไวกิงเป็นต้น ที่กล่าวถึงในวรรณกรรม “
เบวูล์ฟ”
[6]ในหนังสือแองโกล-แซ็กซอน “
Vercelli Homilies” (4:46-8) กล่าวถึงความเกี่ยวข้องระหว่างซาตานกับ
มังกรที่กลืนผู้ที่ชั่วร้าย:“... ne cumaþ þa næfre of þæra wyrma seaðe & of þæs dracan ceolanþe is Satan nemned."
"[มัน]ไม่มีวันที่จะได้ออกจากบ่องูและคอหอยของมังกรที่เรียกว่าซาตาน”
[7]อสูรทะเล
เลวิเอธัน (แปลจาก
ภาษาฮิบรู,
พระธรรมโจป 41:1, “wreathed animal”) ได้รับการบรรยายว่ามีลักษณะดังกล่าว แม้ว่าจะยากที่จะยืนยันถึงรูปลักษณ์ที่ปรากฏในสมัยแรก แต่ในกวีนิพนธ์ภาษาอังกฤษเก่า “วาฬ” ใน “
หนังสือเอ็กซิเตอร์” ปากขุมนรกเปรียบเทียบทำนองเดียวกันกับปากของ
วาฬ: {{Quote:วาฬมีกลเม็ดอีกอย่างหนึ่ง: เมื่อหิววาฬก็จะอ้าปาก และ จะมีกลิ่นหอมโชยออกมา ปลาก็จะถูกล่อลวงจนต้องตามกลิ่นเข้าไปในปากวาฬ ในทันทีทันใดวาฬก็จะหุบปาก เช่นเดียวกับที่เมื่อผู้ใดปล่อยให้ตนเองหลงตามกลิ่นหอมที่นำไปสู่การทำบาปก็จะต้องตกนรก ที่เปิดขึ้นโดยปีศาจร้าย — ถ้าผู้นั้นหลงความสำราญความยั่วยวนทางกายแทนที่จะเป็นทางจิตวิญญาณ เมื่อจะนำบุคคลเหล่านั้นลงไปยังนรก ปีศาจก็จะอ้าปากและเปิดประตูนรก ไม่มีผู้ใดที่สามารถจะหลุดรอดออกมาได้ เช่นเดียวกันกับปลาที่ไม่อาจจะหลุดรอดออกมาจากปากของวาฬได้
[8]}}ต่อมาในสมัยกลางก็มีการเชื่อมโยงภาพพจน์ของปากนรกภูมิกับ
เซอร์เบอรัสซึ่งเป็นสุนัขปีศาจสามหัวของตำนานเทพกรีก แม้ว่างานของแองโกล-แซ็กซอนคงจะมิได้เชื่อมโยงกับสัตว์ในตำนานดังกล่าว
[9]ตัว
ซาตานเองก็มักจะเป็นภาพผู้ที่อยู่ในนรกสวาปามผู้ชั่วร้าย แต่ตามความเห็นของ จี.ดี. สมิธภาพนี้เป็นภาพที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความคิดเกี่ยวกับปากนรกภูมิแต่อย่างใด และปากนรกภูมิก็ไม่ควรคิดว่าจะเป็นสิ่งเดียวกับปากของซาตาน แต่ดูเหมือนฮอฟมันน์ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย
[10] นอกจากนั้นปากนรกภูมิก็ไม่เคยได้รับการบรรยายว่าได้งับผู้ชั่วร้าย เพียงแต่เปิดกว้างไว้เท่านั้น พร้อมที่จะรับผู้คนเพิ่มขึ้นลักษณะต้นรากอีกประการหนึ่งของความคิดของสมัยกลางเกี่ยวกับปากนรกภูมิก็มาจาก “
พระธรรมกันดารวิถี” บทที่ 16, ข้อที่ 28 ถึง 33 ซึ่งบรรยายการกระทำชั่วขณะของพระเจ้า มิใช้สถานะถาวร และมิได้มีนัยยะถึงปากอสุรกาย ซึ่งทำให้ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นสาเหตุในการสร้างภาพพจน์ของยุคกลางได้:16:28 และโมเสสพูดว่า "ดังนี้แหละท่านทั้งหลายจะได้ทราบว่า พระเยโฮวาห์ใช้ให้ข้ามากระทำการทั้งสิ้นนี้ ข้ามิได้กระทำตามอำเภอใจข้าเอง
16:29 ถ้าคนเหล่านี้ตายอย่างคนธรรมดาทั้งปวง หรือเหตุการณ์อย่างคนธรรมดามาเยี่ยมเยียนเขา ก็หมายว่าพระเยโฮวาห์มิได้ทรงใช้ข้ามา
16:30 แต่ถ้าพระเยโฮวาห์บันดาลอะไรใหม่เกิดขึ้นและแผ่นธรณีอ้าปากกลืนคนเหล่านี้ เข้าไปพร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขา และเขาทั้งหลายลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น ท่านทั้งหลายจงทราบเถิดว่า คนเหล่านี้ได้สบประมาทพระเยโฮวาห์"
16:31 ต่อมาเมื่อท่านกล่าวบรรดาคำเหล่านี้จบ แผ่นดินใต้ที่เขาเหล่านั้นยืนอยู่ก็แยกออก
16:32 และแผ่นธรณีก็อ้าปากออกกลืนเขาทั้งหลายกับครอบครัว และบรรดาคนของโคราห์และข้าวของทั้งหมดของเขา
16:33 ดังนั้นเขาทั้งหลายพร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขาลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น และแผ่นดินก็งับเขาไว้และเขาทั้งหลายก็พินาศเสียจากท่ามกลางที่ประชุม
[11]