ป๊อปอายในรูปแบบการ์ตูน ของ ป๊อปอาย

เนื่องด้วยความนิยมของตัวละคร ทำให้ต่อมาได้มีการนำไปทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูนและการ์ตูนโทรทัศน์ต่างๆ ดังนี้

Popeye The Sailor

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2475 King Feature ได้เซ็นสัญญาร่วมกับบริษัท Fleischer Studios ในการสร้างการ์ตูนอ้างอิงจากป๊อปอายและตัวละครจากทิมเบิล เธียเตอร์ โดยการ์ตูนชุดนี้เผยแพร่โดยพาราเมาท์พิกเจอส์ ออกฉายในโรงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2476 และมีการสร้างมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกีอบ 25 ปี มีจำนวนตอนทั้งหมด 231 ตอน

เนื่อหาของแต่ละตอนในการ์ตูนชุดนี้นั้น แตกต่างจากเนื่อหาในคอลัมน์การ์ตูนเป็นอย่างมาก โดยในคอลัมน์การ์ตูน เนื่อหาจะเป็นแนวตลกและการผจญภัย และมีเนื้อหาต่อกัน แต่ในการ์ตูนชุดนี้ จะเป็นเนื้อหาแบบจบในตอน เกี่ยวกับการผจญภัยหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับป๊อปอายและเพื่อนๆ และเมื่อป๊อปอายตกอยู่ในวิกฤตหรือยามคับขัน เขาจะหยิบกระป๋องผักปวยเล้งขึ้นมากิน เมือกินแล้วจะทำให้พละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตนั้นหรือช่วยโอลีฟเอาไว้ได้ ในบางครั้งเขาก็กินผักปวยเล้งเพื่อให้ความสามารถที่เขาต้องการ (ตัวอย่างเช่นในตอน The Man on the Flying Trapeze (แปล:ชายบนราวห้อยโหน) ปวยเล้งทำให้เขามีความสามารถด้านกายกรรม) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ได้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาให้เกี่ยวกับสงคราม ความรักชาติ และการปลุกใจขาวอเมริกันในสมัยนั้น โดยกำหนดให้ป๊อปอายและบลูโตเข้าร่วมทหารเรือและสู้กับทหารนาซีและทหารญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2485 พาราเมาท์ได้ถือสิทธ์เจ้าของบรัษัท Fleischer Studios จากนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของสตูดิโอ รวมถึงชื่อสตูดิโอที่เปลี่ยนมาเป็น Famous Studios ในส่วนของเนื้อหาการ์ตูนก็ได้ปรับเปลี่ยนไปเน้นที่เรื่องราวป๊อปอาย โอลีฟ และบลูโตเป็นส่วนมาก ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2486 ได้เปลี่ยนรูปแบบการสร้างการ์ตูนจากภาพขาวดำมาเป็นภาพสี โดยได้ดำเนินการสร้างมาจนถึง พ.ศ. 2500 จึงได้หยุดการสร้างการ์ตูนป๊อปอายไป จากนั้นทางพาราเมาท์ได้ขายการ์ตูนป๊อปอายชุดนี้ให้กับ Associated Artists Productions

Popeye The Sailor (การ์ตูนโทรทัศน์)

ในปี พ.ศ. 2503 ทาง King Feature Syndicate ได้สั่งจัดทำการ์ตูนป๊อปอายชุดใหม่สำหรับออกอากาศทางโทรทัศน์ โดยมอบหมายให้สตูดิโอต่างๆ ในการสร้างการ์ตูน สตูดิโอดังกล่าวประกอบด้วย Jack Kinney Productions, Rembrandt Films, Larry Harmon Productions, Halas and Batchelor, Paramount Cartoon Studios (เดิมที่ชื่อว่า Famous Studios) และ Southern Star Entertainment (เดิมทีชื่อว่า Southern Star Productions) โดยงานภาพของการ์ตูนนั้นจะเรียบง่ายกว่าชุดการ์ตูนที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์เป็นอย่างมาก เนื่องด้วยมีต้นทุนการสร้างที่ต่ำกว่าการสร้างการ์ตูนที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์ โดยใช้เวลาการสร้าง 2 ปี มีจำนวนตอนทั้งหมด 220 ตอน

ในการ์ตูนชุดนี้ บลูโต คู่ปรับของป๊อปอายได้เปลี่ยนชื่อเป็น บลูตัส เนื่องด้วยความเข้าใจผิดของทาง King Feature ที่คิดว่า ชื่อตัวละคร "บลูโต" นั้นเป็นของพาราเมาท์ แต่ในความเป็นจริง บลูโตนั้นปรากฏตัวครั้งแรกในคอลัมน์การ์ตูน หมายความว่า King Feature นั้นเป็นเจ้าของชื่อตัวละครบลูโตตั้งแต่แรกแล้ว ด้านเนื้อหาของการ์ตูนนั้นจะเน้นไปทีการผจญภัยและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับป๊อปอายมากขึ้น และเพิ่มตัวละครต่างๆ ที่มาจากคอลัมน์การ์ตูนอีกด้วย

The All New Popeye Hour/The Popeye and Olive Comedy Show

ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2521 การ์ตูนป๊อปอายชุดใหม่ มีชื่อว่า The All New Popeye Hour ได้ออกฉายครั้งแรกบนช่องทีวี CBS ในสหรัฐอเมริกา โดยการ์ตูนชุดนี้ King Feature ได้ให้บริษัท Hanna-Barbera Productions เป็นผู้ดำเนินการสร้าง เป็นรายการการ์ตูนความยาว 1 ชั่วโมงตามชื่อ (แต่ว่าจะมีการ์ตูนป๊อปอายแค่ครึ่งชั่วโมง อีกครึ่งชั่วโมงนั้นจะฉายการ์ตูนเรื่อง Dinky Dog ซึ่งเป็นการ์ตูนของ Hanna Barbera เองและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับป๊อปอายแต่อย่างใด) ซึ่งตัวการ์ตูนชุดนั้นพยายามที่จะอิงการออกแบบตัวละครมาจากคอลัมน์การ์ตูนให้มากที่สุด รวมถึงการที่บลูตัสกลับมาใช้ชื่อบลูโตอีกครั้ง และลดทอนความรุนแรงลง โดยการ์ตูนชุดนี้ออกอากาศจนถึงปี พ.ศ. 2524 จึงได้ปรับเวลาออกอากาศเป็นครึ่งชั่วโมงและเปลี่ยนชื่อเป็น The Popeye and Olive Comedy Show ออกอากาศจนถึงเดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2526

Popeye and Son

เป็นการ์ตูนป๊อปอายอีกชุดที่สร้างโดย Hanna-Barbera Productions (และเป็นการ์ตูนป๊อปอายชุดล่าสุดในขณะนี้) ซึ่งในการ์ตูนชุดนี้ ป๊อปอายและโอลีฟได้แต่งงานกัน และมีลูกชื่อ ป๊อปอาย จูเนียร์ ซึ่งเกลียดปวยเล้งเอามากๆ แต่ก็ต้องกินเมือถึงยามจำเป็น ส่วนบลูโตนั้นก็ได้แต่งงานเหมือนกัน และมีลูกชื่อว่า แท๊งค์ เนื้อหาของแต่ละตอนจะเน้นไปที่การแข่งขัน การผจญภัยของป๊อปอาย จูเนียร์และเพื่อนๆ ซะมากกว่า ออกอากาศบนช่อง CBS ในปี พ.ศ. 2530 และออกอากาศเพียงแค่หนึ่งซีซั่นเท่านั้น