ตอนที่ 1

ในตอนแรกของรายการ เด็กฝึกหัดทั้งหมดเข้าสู่สตูดิโอถ่ายทำ ซึ่งได้จัดเตรียมที่นั่งไว้สำหรับ 96 ที่นั่ง ในรูปแบบของพีระมิด โดยจะมีหมายเลขอยู่ที่ที่นั่งเรียงตามลำดับตั้งแต่ที่นั่งหมายเลข 1 ซึ่งอยู่ชั้นบนสุด (ยอดพีระมิด) ไปจนถึงที่นั่งหมายเลข 96 จากนั้นเด็กฝึกหัดทุกคนก็ได้พบกับ อีซึงกิ รับหน้าที่พิธีกรและเป็นตัวแทนของพรอดิวเซอร์แห่งชาติ รวมถึงได้พบกับทีมเทรนเนอร์ที่จะมาช่วยดูแลและฝึกซ้อมให้คำแนะนำกับเด็กฝึกหัดทุกคน และผู้ชนะจากรายการ Produce101 ฤดูกาลก่อนหน้า จอนโซมี คังแดเนียล จากนั้นพิธีกรจึงได้ประกาศให้ทราบว่า เด็กฝึกหัดทุกคนจะต้องทำการแสดงความสามารถครั้งแรกต่อหน้าเหล่าเทรนเนอร์ เพื่อทำการประเมินจัดกลุ่ม โดยการประเมินจัดกลุ่มนั้นจะใช้ลักษณะของการให้เกรดตั้งแต่ A, B, C, D, ไปจนถึง F ซึ่งเด็กฝึกหัดจะทำการแสดงแบ่งตามสังกัด แต่การประเมินนั้นจะประเมินเป็นรายบุคคล

ตอนที่ 2

หลังจากการประเมินจัดกลุ่มในรอบแรกจบลง ได้มีการเปิดเผยเพลงประจำรายการ ซึ่งมีชื่อเพลงว่า "내꺼야 (PICK ME)" ซึ่งเด็กฝึกหัดทุกคนจะได้ทำการแสดงเพลงนี้ในรายการ เอ็ม! เคาท์ดาวน์ จะมีการประเมินจัดกลุ่มใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะวัดผลจากการแสดงเพลง "내꺼야 (PICK ME)" โดยเด็กฝึกหัดทุกคนมีเวลาในการฝึกซ้อม 3 วัน และเทรนเนอร์จะประเมินผลเด็กฝึกหัดเป็นรายบุคคลผ่านวิดีโอที่ถูกอัดไว้ นอกจากนี้ เด็กฝึกหัดที่ได้เกรด A ยังจะได้รับโอกาสในการเป็นเซนเตอร์ของเพลงนี้ด้วย

ตอนที่ 3

เด็กฝึกหัดทุกคนได้รับผลการประเมินรอบใหม่และย้ายไปยังระดับใหม่ของตัวเอง จากนั้นเด็กฝึกหัดทุกคนได้เลือกเซนเตอร์ของเพลง "내꺼야 (PICK ME)" ซึ่งเซนเตอร์นั้นจะมาจากเด็กฝึกหัดที่อยู่เกรด A เท่านั้น โดยเด็กฝึกหัดเกรด A ทุกคนจะต้องคิดการแสดง 1 นาที เพื่อแสดงความสามารถของตนเอง และเด็กฝึกหัดทั้งหมดจะเป็นผู้โหวตเพื่อเลือกเซนเตอร์ ซึ่งผู้ที่ได้รับคะแนนสูงที่สุดคือ เด็กฝึกหัด มิยาวากิ ซากุระ จากสังกัด เอชเคที48

ต่อมา เด็กฝึกหัดทุกคนได้พบกับพิธีกร อีซึงกิ ซึ่งได้มาประกาศถึงการแข่งขันในภารกิจแรก นั่นคือ การแข่งขันแบบกลุ่ม (Group Battle) โดยเด็กฝึกหัดจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มทั้งหมด 16 ทีม และมีเพลงโจทย์ที่ใช้ในการแข่งขันทั้งหมด 8 เพลง การตัดสินนั้นจะให้ผู้ที่ได้เข้ามาชมการแสดงสดเป็นผู้โหวต ทีมที่ชนะคือทีมที่ได้รับคะแนนโหวตมากกว่า จะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มอีกคนละ 1,000 คะแนน การเลือกสมาชิกในทีมนั้นจะใช้การสุ่ม โดยเด็กฝึกหัด มิยาวากิ ซากุระ ซึ่งเป็นเซนเตอร์จะได้รับสิทธิ์ในการเลือกสมาชิกในทีมก่อน แล้วจึงทำการสุ่มชื่อของเด็กฝึกหัดคนต่อไป จากนั้นในการเลือกเพลง จะให้ตัวแทนของแต่ละทีมทำการวิ่งแข่ง ในกรณีของทีมที่เลือกเพลงเดียวกัน ตัวแทนของทีมที่วิ่งมาถึงจุดที่กำหนดก่อนจะได้รับเพลงนั้นไป และจะมีสิทธิ์ได้เลือกทีมที่จะมาแข่งขันกับทีมของตัวเองด้วย

หลังจากจบการแข่งขันในรอบนี้ เด็กฝึกหัดที่มีคะแนนอยู่ในลำดับที่ 1-58 จะได้ผ่านเข้ารอบต่อไป ส่วนลำดับที่ 59-96 จะถูกคัดออกจากการแข่งขัน

ตอนที่ 4

การแข่งขันแบบกลุ่ม (Group Battle) ยังคงดำเนินต่อไปกับทีมที่ยังเหลืออยู่อีก 14 ทีม และเมื่อแข่งขันครบทุกทีมแล้วจึงมีการประกาศผลคะแนนโหวตของเด็กฝึกหัดทั้งหมด

ตอนที่ 5

ประมวลภาพกิจกรรมต่าง ๆ ของเหล่าเด็กฝึกหัด อาทิเช่น การฟังบรรยายคลาสพิเศษจากตัวแทนพรอดิวเซอร์แห่งชาติ โบอา, การแข่งขันหาราชินีนักเต้น (Dancing Queen), การฝึกร่างกายให้แข็งแรงกับเทรนเนอร์มืออาชีพ, การโหวตเลือกวิชวลเซนเตอร์, การซ่อนกล้องเด็กฝึกหัด และการประกาศผลการคัดออกครั้งแรก ซึ่งจะคัดเด็กฝึกหัดให้เหลือเพียงแค่ 58 อันดับแรกเท่านั้น ที่จะได้ผ่านเข้ารอบต่อไป

ตอนที่ 6

เด็กฝึกหัดทั้ง 58 คนที่ผ่านเข้ารอบได้มารวมตัวกันและได้พบกับตัวแทนพรอดิวเซอร์แห่งชาติ อี ซึงกิ ซึ่งโบอาได้แจ้งให้เด็กฝึกหัดทุกคนทราบว่า หลังจากการประกาศผลอันดับครั้งแรก คะแนนของเด็กฝึกหัดทุกคนจะถูกลบแล้วเริ่มต้นนับใหม่ และสำหรับในการแข่งขันในรอบต่อไปจะคัดเด็กฝึกหัดให้เหลือเพียงแค่ 35 คนเท่านั้น ซึ่งการแข่งขันในรอบนี้จะเป็นการแข่งขันตามตำแหน่ง (Position Battle) โดยเด็กฝึกหัดจะได้เลือกแข่งขันในตำแหน่งที่ตัวเองต้องการที่จะเดบิวต์ ได้แก่ ร้องและแร็ป ((Vocal&Rap), เต้น (Dance) ในแต่ละตำแหน่งจะมีโจทย์เพลงและจำนวนสมาชิกของแต่ละเพลงกำหนดไว้ เด็กฝึกหัดที่ได้อันดับที่ 13 จากการประกาศผลอันดับที่ผ่านมาจะได้เลือกเป็นคนแรก และเรียงตามอันดับไปจนถึงอันดับที่ 58 โดยที่เด็กฝึกหัดอันดับที่ 1-12 จะได้เลือกเพลงที่ใช้แข่งขันทีหลังในตำแหน่งใดและเพลงใดก็ได้แย่งจากเด็กฝึกก่อนหน้า เด็กฝึกหัดที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดในแต่ละทีมจะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่ม 5,000 คะแนน และถ้าเป็นคนที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดในตำแหน่งนั้น ๆ จะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มอีก 100,000 คะแนน รวมเป็น 105,000 คะแนน

ตอนที่ 7

ต่อจากตอนที่แล้ว เป็นการแข่งขันแบ่งตามตำแหน่ง (Position Battle) กับทีมที่เหลือ และหลังจากทำการแสดงครบทุกทีมแล้ว อีทึกจึงได้ประกาศอันดับคะแนนรวมของเด็กฝึกหัดทั้งหมดแบ่งตามตำแหน่ง เด็กฝึกหัด 13 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจาก 13 ทีม จะได้รับคะแนนพิเศษคนละ 10,000 คะแนน และเด็กฝึกหัดที่ได้อันดับที่ 1 จากตำแหน่งร้อง, เต้นและแร็ป จะได้รับคะแนนพิเศษอีก 100,000 คะแนน

ตอนที่ 8

เข้าสู่รอบ Concept Evalution โดยแบ่งเด็กฝึกหัดตามคอนเส็ปต์ที่พรอดิวซ์เซอร์ทั่วประเทศได้เลือกไว้ให้ ดังนี้

และประกาศผลการคัดออกรอบที่สอง โดยจะคัดเหลือ 30 อันดับแรก

ตอนที่ 9

เข้าสู่รอบ Concept Evalution เนื่องจากมีการคัดออกและเด็กฝึกหัดในแต่ละคอนเส็ปต์มีจำนวนไม่เท่ากัน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในแต่ละคอนเส็ปต์

ตอนที่ 10

การแข่งขันรอบคอนเส็ปต์ได้เริ่มขึ้น และในรอบนี้ทีมที่ได้คะแนนสูงสุด จะได้คะแนนพิเศษ 130,000 คะแนน โดยผู้ทีได้อันดับ 1 ในทีมที่ชนะจะได้ 50,000 คะแนน ส่วนลำดับถัดไปจะได้คนละ 20,000 คะแนน

ตอนที่ 11

ประมวลภาพกิจกรรมต่าง ๆ ของเหล่าเด็กฝึกหัด อาทิเช่น การแข่งกีฬาสี, การโหวตเลือกเด็กฝึกหัดที่ 1 ในดวงใจ และการประกาศผลการคัดออกครั้งที่ 3 ซึ่งจะคัดเด็กฝึกหัดให้เหลือเพียงแค่ 20 อันดับแรกที่จะได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย หลังจากนั้นเด็กฝึกหัดที่ผ่านเข้ารอบต้องเลือกเพลงที่จะใช้แข่งขันรอบสุดท้ายและตำแหน่งของตัวเอง

ตอนที่ 12

ประมวลภาพการฝึกซ้อมเพื่อแข่งขันในรอบสุดท้ายของเด็กฝึกหัดในแต่ละทีม และเฉลยเซ็นเตอร์ โดย ทีม We Together - อี แชยอน และ You're In Love, Right? - ชเว เยนา มีโชว์พิเศษคือเพลง Pick Me และ As We Dream และสุดท้ายคือการประกาศ 12 อันดับเพื่อเดบิวต์เป็น IZ*ONE (ไอซ์วัน) โกลบอลเกิร์ลกรุ๊ปที่คัดเลือกโดยพรอดิวซ์เซอร์ทั่วประเทศ