พระบฏ คือ ผืนผ้าที่มีรูปพระพุทธเจ้าเป็นต้นและแขวนไว้เพื่อบูชา คำว่า บฏ มาจากคำในภาษาบาลีว่า ปฏ (อ่านว่า ปะ-ตะ) แปลว่า ผ้าทอ หรือ ผืนผ้า ส่วนมากเป็นผ้าแถบยาว มีวาดภาพพระพุทธเจ้า นิยมแขวนไว้ในสถานที่จัดพิธีกรรมในพุทธศาสนา ใช้แทนที่พระพุทธรูป เพื่อเป็นที่เคารพบูชาต้นกำเนิดของพระบฏยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
[1] อาจมีที่มาจากตำนานพระพุทธฉาย กล่าวถึง
พระเจ้าอชาตศัตรูทูลขอพระพุทธฉายจากพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงโปรดให้พระพุทธฉายประทับบนผืนผ้าผืนหนึ่ง ใน
ประเทศอินเดีย มีการประดับอาคารศาสนสถานด้วยพระบฏซึ่งเป็นคตินิยมเนื่องในพุทธศาสนา
มหายานและได้ส่งอิทธิพลไปยังดินแดนต่าง ๆ ที่พุทธศาสนามหายานไปถึง เช่น จีน ญี่ปุ่นดังพบหลักฐานการเขียนภาพบนผืนผ้าและนำไปประดับตามศาสนสถานตั้งแต่
ราชวงศ์สุยและ
ราชวงศ์ถัง (ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12) ยังพบหลักฐานอ้างอิงถึงจิตรกรรมบนผืนผ้าปรากฏในพระสุตตันตปิฎกแปลจากภาษาบาลี ส่วนการทำผ้าพระบฏขนาดใหญ่มาก ๆ ใน
ทิเบต เรียกกันว่า
ผ้าทังกา ซึ่งเป็นพุทธศิลป์ชั้นสูงของพุทธศาสนิกชนสาย
วัชรยาน[1]ชาวสยามนิยมทำพระบฏถวายเป็นพุทธบูชามาตั้งแต่
สมัยสุโขทัย ปรากฏในศิลาจารึกสมัยสุโขทัย หลักที่ 106 หรือ
จารึกวัดช้างล้อม ระบุปีพุทธศักราช 1927 กล่าวถึง นักบวชรูปหนึ่งชื่อว่า พนมไสดำ ได้สร้างพระบฏขนาดใหญ่สูงถึง 7 เมตร เพื่อเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่พระมหาธรรมราชา จารึกนี้ยังกล่าวถึงพระบฏจีน ที่มีขนาดเล็กกว่าและใช้ในการประดับตกแต่งภายในอาคาร พระบฏที่เก่าแก่ที่สุดที่พบ คือพระบฏที่พบได้จากกรุพระเจดีย์วัดดอกเงิน อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
[2] ขนาดสูง 3.4 เมตร และกว้าง 1.8 เมตร เป็นฝีมือสกุลช่างล้านนา อายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 21ตำนานของนครศรีธรรมราช มีตำนานเล่าว่า มีผู้พบผ้าแถบบาว วาดภาพเล่าเรื่อง
พุทธประวัติ ได้ลอยมาทางทะเลและขึ้นฝังที่ชายหาด
ปากพนัง สมัยที่ยังมี
อาณาจักรตามพรลิงก์ ชาวบ้านที่เก็บได้ถวาย
พระเจ้าศรีธรรมโศกราช พระองค์รับสั่งให้ซักผ้านั้นจนสะอาดเห็นภาพวาดพุทธประวัติ เรียกว่า "ผ้าพระบฏ"
[3]