ส่วนหนึ่งของ
ศาสนาพุทธ สถานีมิกิย่อยประวัติศาสนาพุทธพระโคตมพุทธเจ้า (
พระพุทธเจ้า)
พระพุทธ ·
พระธรรม ·
พระสงฆ์พระมหา เป็นคำ
สมณศักดิ์ใช้นำหน้าชื่อ
พระภิกษุที่
สอบไล่ได้ตั้งแต่
เปรียญธรรม 3 ประโยค ขึ้นไป
[1] โดยคำ "มหา" มาจากศัพท์ใน
ภาษาบาลี (มหนฺต ลดรูปเป็น มหา) ใช้นำหน้าพระเถระผู้มีร่างกายสูงใหญ่ในสมัย
พุทธกาลเช่น
พระมหากัสสปเถระ พระมหาโมคคัลลานะ และใช้เรียกนำหน้ายกย่องพระเถระผู้เป็นที่น่าเคารพนับถือว่า พระมหาเถระ แปลว่า พระเถระผู้ใหญ่โดยคำว่า "พระมหา" สันนิษฐานว่ากร่อนมาจากคำว่า "
พระมหาชาติ" ที่ชาวพุทธใช้เรียกพระผู้ทรงภูมิบาลีแตกฉาน จนสามารถเทศนา
พระมหาชาติเวสสันดรชาดกได้ และต่อมาพระมหากษัตริย์จึงใช้คำนี้แต่งตั้งพระผู้ทรงภูมิบาลีให้ดำรงสมณศักดิ์ที่พระมหา หรือพระมหาชาติ เพื่อเป็นการส่งเสริมการศึกษา
ภาษาบาลีเพื่อสืบทอด
พระพุทธศาสนามาแต่โบราณ
[2]พระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณถวาย
พัดยศสมณศักดิ์สาย
เปรียญธรรม (
พัดยศมหาเปรียญ) แก่พระสงฆ์โดยยกย่องถวายคำว่า "มหา" เพื่อใช้นำหน้าพระภิกษุผู้สอบไล่ได้
ประโยคบาลี เพื่อเป็นการถวายกำลังใจแก่พระสงฆ์ผู้สนใจเล่าเรียนศึกษาและมีความรู้สอบไล่ได้สายเปรียญธรรมบาลีตั้งแต่ชั้น
เปรียญตรีขึ้นไปจนถึงปัจจุบันนี้
[3] (โดยในอดีตนั้นพระมหากษัตริย์เคยมีการถวายนิตยภัตรแก่พระสงฆ์และสามเณรที่เป็นมหาเปรียญทุกชั้น แต่ปัจจุบันคงมีการถวายนิตยภัตรายเดือนเฉพาะผู้สอบได้ระดับ
เปรียญธรรม ๙ ประโยค เท่านั้น)ในปัจจุบัน
พัดยศมหาเปรียญ นั้นจะแบ่งเป็นสีและระบุเลขลำดับชั้นเปรียญ ซึ่งเปรียบได้กับ
ครุยวิทยฐานะของ
บัณฑิตผู้จบการศึกษาจาก
มหาวิทยาลัย โดยพัดยศเปรียญมีฐานะเสมือนหนึ่ง
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ผู้ทำความชอบในราชการ
[4] พระสงฆ์สามเณรผู้ได้รับพระราชทานจะนำพัดยศมหาเปรียญออกใช้ประกอบสมณศักดิ์ได้แต่ในงานพระราชพิธีสำคัญเท่านั้น จะใช้ทั่วไปมิได้ในอดีตก่อนมีการเลิก
ทาส หากพระภิกษุหรือสามเณรรูปใดที่สอบไล่ได้เปรียญธรรม มีบิดามารดาเป็นทาสเขาอยู่ ก็จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์ไถ่ให้พ้นตัวจากความเป็นทาสมีอิสรภาพแก่ตนในทันทีที่บุตรชายของตนได้เป็นพระมหาเปรียญหรือสามเณรเปรียญปัจจุบันเรียกพระภิกษุที่สอบได้พระปริยัติธรรมตั้งแต่
เปรียญธรรม ๓ ประโยคขึ้นไปว่า
"พระมหาเปรียญ"