การครองนครเชียงใหม่ ของ พระยาคำฟั่น

เจ้าหลวงเชียงใหม่แห่ง
ราชวงศ์ทิพย์จักร
พระเจ้ากาวิละ
พระยาธรรมลังกา
พระยาคำฟั่น
พระยาพุทธวงศ์
พระเจ้ามโหตรประเทศ
พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์
พระเจ้าอินทวิชยานนท์
เจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์
เจ้าแก้วนวรัฐ

เมื่อพระยาเศรษฐีคำฝั้น ครองเมืองเชียงใหม่ ได้เกิดการทะเลาะวิวาทกับเจ้าราชวงศ์สุวัณคำมูน ทำให้บรรดาขุนนางได้ไปเชิญเจ้าดวงทิพย์ และเจ้าบุญมา มาประนีประนอมการวิวาทครั้งนี้ โดยแนะนำให้พระยาคำฝั้น เสด็จออกผนวชวัดเชียงมั่น แล้วไปจำพรรษาที่วัดสวนดอก จากนั้นได้มีการปล่อยรถม้าเสี่ยงทายหาเจ้าหลวงองค์ใหม่ แต่รถม้าดังกล่าวกลับมาหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าวัดสวนดอก ซึ่งเป็นที่ประทับของพระยาคำฝั้น เหลาบรรดาเจ้านาย และขุนนางจึงได้อัญเชิญพระยาคำฝั้น ให้ลาสิกขาบทกลับมาครองนครเชียงใหม่อีกครั้ง[2]

ในช่วงรัชกาลของพระยาคำฝั้น เป็นช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต และกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 3 แห่งราชวศ์จักรี ใน พ.ศ. 2367 และพระยาหลวงฯ ประชวรในขณะที่ส่งพระยาอุปราชพุทธวงศ์และเจ้านายบางส่วนไปเฝ้ารัชกาลที่ 3 เมื่อล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 ทรงทราบถึงอาการเจ็บป่วย จึงได้จัดส่งแพทย์หลวงมารักษาแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จนถึงวันอาทิตย์ เดือนห้า แรม 11 ค่ำ ในเวลาบ่าย พระยาคำฝั้นก็ถึงแก่พิราลัย ในจุลศักราช 1186 (ตรงกับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2368) สิริอายุรวม 69 ปี และพระยาอุปราชพุทธวงศ์ ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองนครองค์ที่ 4 โดยมีเจ้าหนานมหาวงศ์ บุตรพระยาธรรมลังกาเป็นพระยาอุปราช และเจ้าน้อยมหาพรหม บุตรพระยาคำฝั้น เป็นพระยาราชวงศ์เชียงใหม่สืบไป[2]

ใกล้เคียง

พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) พระยาพิชัยดาบหัก พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) พระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) พระยาอนิรุทธเทวา (หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบุญ) พระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ) พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง)