สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งนอร์เวย์ ของ พระเจ้าคริสเตียนที่_8_แห่งเดนมาร์ก

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2356 เจ้าชายเฟรเดอริค คริสเตียนทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทโดยพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 6 แห่งเดนมาร์ก และตามโบราณราชประเพณีเจ้าชายต้องเสด็จไปนอร์เวย์เพื่อรับพรอิศริยยศ "สตัตท์โฮลเดอร์"(stattholder) ซึ่งก็คือเป็นตัวแทนสูงสุดของกษัตริย์เดนมาร์กผู้มีอำนาจเต็มในนอร์เวย์ เป็นประเพณีที่ต้องเสด็จไปเพื่อความจงรักภักดีของชาวนอร์เวย์ต่อพระราชวงศ์ แต่ในเวลานั้นพระเจ้าเฟรเดอริคที่ 6 ทรงนำพาเดนมาร์กเข้าสู่สงครามนโปเลียนโดยเข้าฝ่ายจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งนำมาสู่ความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิฝรั่งเศส เจ้าชายเฟรเดอริค คริสเตียนทรงพยายามที่จะกระตุ้นความจงรักภักดีของชาวนอร์เวย์ให้มีต่อพระราชวงศ์เดนมาร์ก เพราะชาวนอร์เวย์พยายามต่อต้านราชวงศ์เดนมาร์กจากการปราชัยในครั้งนี้ การลุกฮือขึ้นของชาวนอร์เวย์ได้รับการสนับสนุนจากสวีเดน ซึ่งสวีเดนพยายามรวมนอร์เวย์มาเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร

เจ้าหญิงแคโรไลน์ อเมลีแห่งชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์-ซอนเดอร์บวร์ก-ออกัสเตนเบิร์ก พระมเหสีพระองค์ที่สอง

สวีเดนโดยรัชทายาทคาร์ล จอห์นได้รีบดำเนินการอย่างรวดเร็วทรงส่งกองทัพที่ประจำอยู่ที่ฮ็อลชไตน์เพื่อการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพเดนมาร์กและสวีเดนในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2357 โดยในสนธิสัญญากำหนดให้เดนมาร์กต้องมอบนอร์เวย์ให้แก่สวีเดน และสวีเดนจะยกแคว้นโพเมราเนียและรูเกนให้เป็นส่วนหนึ่งของเดนมาร์กเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน และจ่ายเงินสมทบสำหรับการเสียนอร์เวย์แก่เดนมาร์ก ซึ่งเรียกว่า สนธิสัญญาเคล และเรียกเหตุการณ์นี้ว่า การสูญเสียนอร์เวย์ของเดนมาร์ก พระเจ้าเฟรเดอริคทรงต้องยอมในสนธิสัญญาเคลเพื่อป้องกันการรุกรานจากสวีเดน รัสเซีย เยอรมนีและอังกฤษ

สวีเดนต้องผิดหวังเนื่องจากชาวนอร์เวย์ประกาศแยกตัวจากสวีเดน เจ้าชายคริสเตียน เฟรเดอริคทรงได้รับการเลือกให้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินนอร์เวย์ในมติของการประชุมแห่งบุคคลสำคัญในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2357 การเลือกตั้งครั้งนีเด้รับการเห็นชอบจากสภาร่างรัฐธรรมนูญนอร์เวย์ซึ่งประชุมกันที่เมืองอิดสโวล ในวันที่ 10 เมษายนและในวันที่ 17 เมษายน สภาร่างรัฐธรรมนุญได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้พระองค์เป็นกษัตริย์แห่งนอร์เวย์ พระนามว่า สมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริค คริสเตียนแห่งนอร์เวย์

พระเจ้าคริสเตียนทรงพยายามดึงอำนาจในฐานะกษัตริย์แห่งนอร์เวย์และทรงพยายามสร้างอำนาจให้นอร์เวย์ แต่ไม่สำเร็จ เมื่อพระองค์ทรงถูกกดดันจากคณะกรรมการในเดนมาร์กที่มีอำนาจและฝักใฝ่ในสวีเดนซึ่งได้พยายามรวมนอร์เวย์เข้ากับสวีเดนตามสนธิสัญญาเคล พระเจ้าคริสเตียนเสด็จไปที่เดนมาร์กและทรงตอบว่า กษัตริย์ภายใต้รับธรรมนูญไม่จำเป็นต้องทำอะไรโดยผ่านความยินยอมจากรัฐสภา ซึ่งสร้างความตึงเครียดระหว่างนอร์เวย์และสวีเดน

สวีเดนปฏิเสธเงื่อนไขของพระองค์ในเอกราชของนอร์เวย์และได้มีการสู้รบเพียงระยะสั้น กองทัพนอร์เวย์ได้พ่ายแพ้กองทัพของรัชทายาทคาร์ล จอห์นแห่งสวีเดน หลังจากสงครามนี้ได้มีการประชุมแห่งมอสส์ในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2357 หลังจากการร่างสนธิสัญญาในการประชุมครั้งนี้ รัฐสภานอร์เวย์ได่บีบบังคับให้พระเจ้าเฟรเดอริค คริสเตียนสละราชสมบัติและต้องเสด็จกลับเดนมาร์ก ต่อมารัฐสภาได้มีมติให้นอร์เวย์สละเอกราชและรวมเข้ากับสวีเดน และในวันที่ 4 พฤศจิกายน สมเด็จพระเจ้าคาร์ลที่ 13 แห่งสวีเดน ได้รับเลือกให้เป็น สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งนอร์เวย์

ใกล้เคียง

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ