จานซิต้า (
อังกฤษ: Kyanzittha,
พม่า: ကျန်စစ်သား; พ.ศ. 1627 - 1656) หรือ
พระเจ้าจันสิตถา (บ้างเรียกพระนามว่า พระเจ้าครรชิต หรือพระเจ้าจันสิต) เป็น
พระเจ้ากรุงพุกาม และถือเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์พม่าไม่แพ้
พระเจ้าอโนรธามังช่อ เนื่องด้วยพระองค์ทรงเป็นธรรมกษัตริย์ที่ทำนุบำรุง
ศาสนาพุทธจนเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด จนเป็นที่ยอมรับทั้งจาก
ชาวพม่าและ
ชาวมอญพระเจ้าจานซิต้าเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งในรัชสมัยพระเจ้าอโนรธา เมื่อ
พระเจ้าซอลูพระราชโอรสของพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ พระองค์มิได้ประกอบภารกิจอันใดด้วยความสามารถพระองค์เอง แต่จะทรงใช้และปรึกษาเหล่าเสนาอำมาตย์อยู่บ่อย ๆ ในปลายรัชสมัยพระเจ้าซอลู งะรมัน เจ้าเมือง
พะโค ซึ่งเป็นชาวมอญได้ก่อ
กบฏขึ้นจับตัวพระเจ้าซอลูเป็นตัวประกัน จานซิต้าซึ่งครองเมืองถิเลงอยู่ ไม่สามารถยกทัพกลับมาช่วยพระองค์ได้ทัน งะรมันได้สังหารพระเจ้าซอลูที่เมืองพวาสอ และพยายามเข้ายึดครองอาณาจักรพุกามแต่จานซิต้าได้เข้าขัดขวาง เหล่าเสนาอำมาตย์ และ
พระธัมมทัสสีมหาเถระที่ปรึกษาองค์สำคัญของพระเจ้าอโนรธา จึงได้อัญเชิญจานซิต้าขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เมื่อขึ้นครองราชย์ จานซิต้ามีพระนามว่า ศรีตรีภูวนาทิตยธัมมมราชา
[2] ใน
ภาษาสันสกฤต ในจารึกพม่าเรียกพระองค์ว่า "ถิลุงมัง" (T’iluin Man) แปลว่า "กษัตริย์แห่งถิเลง" แต่เนื่องจากจานซิต้ามิได้มีเชื้อสายของกษัตริย์ พระองค์จึงอ้างสิทธิธรรมในการครองราชสมบัติว่าพระองค์ทรงเป็นภาคหนึ่งของ
พระโพธิสัตว์ และเป็นองค์อวตารของ
พระวิษณุของชาว
ปยูอีกด้วย สมัยนี้จึงถือเป็นรัชสมัยที่ศิลปศาสตร์แบบมอญเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในพุกามในรัชสมัยของพระเจ้าจานซิต้า ทรงติดต่อกับต่างประเทศเป็นอย่างมาก ในปี พ.ศ. 1638 พระองค์ทรงส่งคณะทูตและช่างฝีมือเดินทางไป
พุทธคยา เพื่อไปซ่อมแซมวัดศรีพัชรัส หรือ วัดวัสชราสนะ ซึ่งเป็นสถานที่
ตรัสรู้ที่ใต้ต้นมหาโพธิ์ พระเจ้าจานซิต้าทรงซื้อที่ดินกัลปนาให้แก่วัด ขุดอ่างเก็บน้ำ สร้างเขื่อน เพื่อประโยชน์ในการปลูกข้าว ถวายตะเกียงเทียนจำนวนมาก และทรงกัลปนาข้าทาสให้กับวัดอีกด้วย ซึ่งได้ปรากฏความตอนนี้และปรากฏนามของพระองค์ในจารึกซ่อมแซ่มพุทธคยาด้วยนอกจากนี้แล้วมี
ภิกษุมหายานจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของ
ประเทศอินเดียหลบหนีอิทธิพลของ
ศาสนาอิสลาม เพื่อมาขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ทรงให้ความช่วยเหลือพระสงฆ์เหล่านี้ โดยการสร้างวัดเล็ก ๆ ถวายเป็นที่พำนัก อยู่ระหว่าง
เจดีย์ชเวซีโกนกับหมู่บ้านมินดาตุด้านความสัมพันธ์กับ
ประเทศจีน ในปี พ.ศ. 1649 ทรงส่งคณะทูตไปยังเมือง
ไคเฟิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีนสมัย
ราชวงศ์ซ่ง จักรพรรดิจีนทรงให้การต้อนรับคณะทูตจากอาณาจักรพุกามเทียบเท่ากับทูตของ
อาณาจักรเจนละ ในรัชสมัยนี้จึงถือได้ว่าประสบความสำเร็จที่ทำให้พุกามเป็นที่รู้จักของดินแดนต่าง ๆพระเจ้าจานซิต้าถึงแก่สวรรคตในปี พ.ศ. 1656 ผู้ที่ได้ครองราชย์เป็นลำดับถัดไปคือ
พระเจ้าอลองสิธูซึ่งเป็นพระราชนัดดา (หลานตา) ของพระองค์ในกลางปี พ.ศ. 2551 ทางพม่าได้มีการสร้าง
ภาพยนตร์ชีวประวัติของพระองค์ ในชื่อเรื่อง "Kyansit Min" นับเป็นภาพยนตร์ในแบบสากลเรื่องแรกของพม่าอีกด้วย